ตลาดหลักทรัพย์ประกาศเปิดให้หุ้นบริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ SMK เปิดการซื้อขายหุ้นอีกครั้ง ระหว่างวันที่ 10 เมษายน ถึงวันที่ 9 พฤษภาคมนี้ ก่อนจะขึ้นเครื่องหมาย SP พักการซื้อขายอีกครั้ง จนกว่าบริษัทจะแก้ไขเหตุแห่งการถูกเพิกถอนการเป็นบริษัทจดทะเบียน
หุ้น SMK ถูกตลาดหลักทรัพย์ขึ้นเครื่องหมาย SP พักการซื้อขายตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เนื่องจากส่วนของผู้ถือหุ้นมีค่าต่ำกว่าศูนย์ โดยงบการเงินสิ้นปี 2565 ส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ 30,487.77 ล้านบาท
ผลการขาดทุนเกิดจากผลกระทบการจ่ายค่าสินไหมทดแทนกรมธรรม์การรับประกันโควิด-19 จำนวนมาก จนบริษัทขาดสภาพคล่อง ต้องยื่นศาลล้มละลายกลางเพื่อขอฟื้นฟูกิจการ
ก่อนวิกฤตโควิด SMK มีผลประกอบการที่ดี สิ้นปี 2563 มีกำไรสุทธิ 5,921.93 ล้านบาท ปี 2564 มีกำไรสุทธิ 730.51 ล้านบาท แต่ปี 2565 ขาดทุนสุทธิ 31,996.96 ล้านบาท
ส่วนราคาหุ้นสิ้นปี 2564 ปิดที่ 22.80 บาท สิ้นปี 2565 ปิดที่ 4.32บาท และล่าสุดวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 ก่อนถูกขึ้นเครื่องหมาย SP ปิดที่ 3.38 บาท
การปล่อยให้หุ้น SMK กลับมาซื้อขายชั่วคราวเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นสามารถซื้อขายหุ้นได้ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากหุ้นถูกระงับการซื้อขาย ภายใต้เงื่อนไขการซื้อหุ้นด้วยเงินสด หรือบัญชีแคชบาลานซ์ และในวันแรกที่มีการฃื้อขายจะเปิดเพดานให้หุ้นขึ้นลงได้ 100% แต่หลังจากนั้นจะกำหนดเพดานขึ้นลงสูงสุด 30% เหมือนการซื้อขายหุ้นตามปกติ
นับจากวันที่ 10 พฤษภาคมนี้ หุ้น SMK จะถูกพักการซื้อขายอีกครั้ง และมีโอกาสถูกแขวน SP จนกว่าจะแก้ไขเหตุแห่งการถูกเพิกถอน เพื่อให้กลับมามีคุณสมบัติครบถ้วนเป็นบริษัทจดทะเบียน นำหุ้นกลับมาซื้อขายอีกครั้ง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แม้ว่าบริษัทฯ จะได้รับอนุมัติจากศาลล้มละลายให้ฟื้นฟูกิจการก็ตาม
แต่ส่วนของผู้ถือหุ้นที่ติดลบกว่า 3 หมื่นล้านบาทจะสะสางกันอย่างไร ผู้ทำกรมธรรม์ประกันโควิด-19 ไว้ และยังไม่ได้รับสินไหมทดแทนจะเจรจาชำระค่าสินไหมได้จบสิ้นหรือไม่
ถ้า SMK ไม่สามารถแก้ไขเหตุแห่งการถูกเพิกถอนจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนได้ภายในเงื่อนเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด จะถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ และจะอนุมัติให้ซื้อขายหุ้นอีกครั้ง 7 วันทำการ เปิดโอกาสให้นักลงทุนตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้ายว่าจะขายทิ้งหุ้น SMK หรือตามถือต่อเมื่อถูกตะเพิดออกจากตลาด
กลุ่มดุษฎีสุรพจน์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ SMK โดยมีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 1,859 ราย ถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน 15.91% ของทุนจดทะเบียน ซึ่งผู้ถือหุ้นรายย่อยส่วนใหญ่ติดหุ้นต้นทุนสูงอยู่
การเปิดซื้อหุ้นชั่วคราวระหว่างวันที่ 10 เมษายนถึงวันที่ 9 พฤษภาคมนี้ เป็นอีกโอกาสที่ผู้ถือหุ้นรายย่อยจะพิจารณาทบทวนว่าจะบริหารจัดการอย่างไรกับหุ้น SMK ที่ถือติดมืออยู่
ต้องประเมินถึงความเป็นไปได้ว่า บริษัทจะฟื้นฟูกิจการได้หรือไม่ เพราะถ้าไม่สามารถฟื้นฟูกิจการสำเร็จ ไม่สามารถแก้ไขเหตุแห่งการถูกเพิกถอนได้ตามเงื่อนเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด สุดท้ายจะถูกเพิกถอน
และการเปิดให้ซื้อขายครั้งสุดท้าย 7 วันทำการก่อนถูกเพิกถอนออกจากตลาด ถึงตอนนั้นนักลงทุนคงเทขายหนีตาย และไม่รู้จะขายได้ราคาต่ำขนาดไหน
ถ้าประเมินแล้วว่า SMK ไม่สามารถฟื้นฟูกิจการได้ ผู้ถือหุ้นรายย่อยต้องทนทำใจยอมตัดขาดทุน หาจังหวะขายหุ้นทิ้งในช่วงเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์เปิดโอกาสให้ซื้อขายครั้งนี้
ผู้ถือหุ้นรายย่อย SMK จำนวนเกือบ 2 พันราย ต้องมองโลกในแง่ดี ทำอย่างไรจะขายขาดทุนหุ้นตัวนี้ให้น้อยที่สุดเท่านั้น
