ผู้ถือหุ้น "ปัญจวัฒนาพลาสติก" อนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดปี 2565 เพิ่มอีกหุ้นละ 0.05 บาท เตรียมรับทรัพย์ 3 พ.ค.นี้ ผุ้บริหารมั่นใจผลงานปีนี้เทิร์นอะราวนด์ ยอดขายเพิ่มขึ้นทั้งบรรจุภัณฑ์และชิ้นส่วนยานยนต์ เน้นเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน เพื่อรักษาผลกำไรบนภาวะเงินเฟ้อ ต้นทุนขึ้น ปักหมุดรายได้ปีนี้โตระดับ 10%
นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก จำกัด (มหาชน) หรือ PJW เปิดเผยว่าที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566 ในวันที่ 5 เมษายน 2566 มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลงวดปี 2565 ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทในอัตราหุ้นละ 0.0775 บาท รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 46,475,940.62 บาท
ทั้งนี้ บริษัทได้มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลแล้วในปี 2565 โดยจ่ายปันผลเป็นหุ้นปันผล และเงินสดจากกำไรสะสมของกิจการ รวมเป็นอัตราหุ้นละ 0.0275 เป็นจำนวนมูลค่าทั้งสิ้น 15,787,616.57 บาทแล้วในวันที่ 27 ตุลาคม 2565 ดังนั้น จะมีเงินปันผลส่วนที่เหลือเป็นเงินสดอีก อัตราหุ้นละ 0.05 บาท เป็นมูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 30,688,324.05 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ที่มีสิทธิรับเงินปันผล ณ วันที่ 20 เมษายน 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 3 พฤษภาคม 2566
"การจ่ายเงินปันผลในครั้งนี้เพื่อเป็นการตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นที่ไว้วางใจและเชื่อมั่นต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยมั่นใจปี 2566 บริษัทฯ คาดว่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นจากปีก่อน และถือเป็นปีแห่งการเทิร์นอะราวนด์ได้อย่างแน่นอน" นายวิวรรธน์ กล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตไว้ที่ 10% เนื่องจากภาครัฐเดินหน้านโยบายเปิดเมืองเต็มรูปแบบรวมถึงประเทศจีนเปิดประเทศได้เร็ว ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัว ส่งผลให้สินค้าหลักของบริษัทในกลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติกทั้งน้ำมันหล่อลื่น และนมเปรี้ยวกลับมาเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย รวมถึงยอดขายชิ้นส่วนยานยนต์ที่จะเพิ่มขึ้นจากการที่นิวโมเดลเข้ามามาก หลังจากที่ต้องเลื่อนออกไปจากสถานการณ์เซมิคอนดักเตอร์ขาดแคลน มั่นใจว่ายอดขายในภาพรวมจะโตขึ้นมากกว่า 10% ทั้งนี้ เร่งแผนการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพื่อรักษาอัตรากำไรในภาวะที่ต้นทุนการผลิต ทั้งค่าแรงและค่าพลังงาน รวมไปถึงอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทฯยังคงเดินหน้าที่จะเพิ่มช่องทางสร้างรายได้จากการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสร้าง New S-curve ผลักดันการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด โดยอยู่ระหว่างเพิ่มสายการผลิตในส่วนผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ คาดจะเริ่มผลิตได้ภายในปีนี้ รวมทั้งยังคงเปิดโอกาสในการศึกษาและหา Synergy ใหม่ๆ ร่วมกับพันธมิตรที่มีศักยภาพโดยเฉพาะในด้านผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์จากพลาสติกเพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งจะเป็นอีกธุรกิจที่จะสนับสนุนการเติบโตได้อย่างแน่นอน
ประธานกรรมการบริหาร กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ย้ายหุ้นเข้ามาทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งการย้ายเข้าจดทะเบียนใน SETครั้งนี้จะเอื้ออำนวยและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ขยายฐานนักลงทุนให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะประเภทนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศน่าจะมีความสนใจสามารถเข้ามาเพิ่มสัดส่วนการลงทุนได้มากขึ้น รวมทั้งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องการซื้อขายหุ้น ตลอดจนรองรับการขยายธุรกิจของบริษัทฯ ในอนาคต
อนึ่ง ภาพรวมของผลการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2565 ที่ผ่านมา มีรายได้รวม 3,361 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 83.5 ล้านบาท