ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ แย้มภาพรวมธุรกิจไตรมาสแรกเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง รับผลดีจากราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ภาคครัวเรือนปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งปริมาณขายก๊าซพุ่ง ดันยอดขายในประเทศโตแรงโดยเฉพาะกลุ่มครัวเรือน และ Auto gas ส่วนปริมาณการส่งออกคึกคัก การลงทุนในธุรกิจโซลาร์รูฟท็อปสัญญาณดี ผู้บริหารมั่นใจยอดขายก๊าซ LPG ทั้งในและต่างประเทศโตเข้าเป้า 800,000 ตัน ขณะที่รายได้ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 17,000 ล้านบาท
น.ส.ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (WP) เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจไตรมาส 1/2566 เชื่อว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยบวกจากความต้องการใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศโดยเฉพาะกลุ่ม Auto gas รวมถึงแนวโน้มราคาก๊าซ LPG ที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาตลาดโลก โดยเฉพาะภาคครัวเรือนที่มีทิศทางฟื้นตัวอย่างชัดเจนตามความต้องการใช้มากขึ้น ซึ่งในเดือนมีนาคมนี้ กบง.มีมติให้ปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มขึ้นอีก 1 บาทต่อกิโลกรัม ส่งผลให้ราคาก๊าซหุงต้มขนาดถังละ 15 กิโลกรัม ปรับราคาขึ้นเป็น 423 บาทต่อถัง
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังมีจุดกระจายสินค้าภาคครัวเรือนที่ครอบคลุมถึง 165 แห่งทั่วประเทศ ทำให้สามารถกระจายสินค้าได้ครอบคลุมทุกพื้นที่มากขึ้น ขณะที่การลงทุนในธุรกิจติดตั้งระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) ทำให้สามารถรับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันธุรกิจโซลาร์รูฟท็อปเซ็นสัญญาลูกค้าไปแล้ว 8 เมกะวัตต์ โดยบริษัทฯ ยังคงเป้ากำลังการผลิตรวมทั้งหมดอยู่ที่ 20 เมกะวัตต์ ภายในปี 2566
ทั้งนี้ บริษัทฯ มั่นใจในศักยภาพการเติบโตของธุรกิจและผลการดำเนินงานในปี 2566 จะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน ซึ่งปัจจัยผลักดันการเติบโตมาจากธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 800,000 ตัน แบ่งเป็นยอดขายภายในประเทศ จำนวน 775,000 ตัน และส่งออก จำนวน 25,000 ตันซึ่งจะทำให้รายได้รวมคาดว่าไม่ต่ำกว่า 17,000 ล้านบาท
“บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งงบลงทุนไว้กว่า 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในธุรกิขก๊าซปิโตรเลียมเหลว LPG 300 ล้านบาท การลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน 500 ล้านบาท และ 200 ล้านบาท เป็นการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยจะรุกขยายธุรกิจและสร้างผลตอบแทนให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง” น.ส.ชมกมล กล่าว