ธ.ก.ส. ขานรับนโยบายกระทรวงการคลังและ ธปท.เดินหน้าป้องกันภัยมิจฉาชีพทางการเงินผ่าน 3 มาตรการหลัก รวมถึงการจัดตั้ง hotline สำหรับการแจ้งภัยทางการเงิน เพื่อปิดช่องว่างในการฉวยโอกาสจากมิจฉาชีพและสร้างความมั่นใจให้ประชาชนในการทำธุรกรรมทางการเงิน กรณีพบเห็นการแอบอ้างต่างๆ หรือแจ้งเหตุภัยทางการเงิน ติดต่อได้ที่ศูนย์รับแจ้งเหตุภัยทางการเงินจากมิจฉาชีพ ธ.ก.ส. ตลอด 24 ชั่วโมง
นายพงษ์พันธ์ จงรักษ์ รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ด้วยขณะนี้ภัยทางการเงินที่เกิดจากมิจฉาชีพมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการโทร.ผ่าน Call Center การส่ง SMS แนบลิงก์ หรือแอปพลิเคชันดูดเงินที่หลอกลวงให้ประชาชนดาวน์โหลด กรอกข้อมูล หรือกระทำการใดๆ ที่ส่งผลกระทบให้ประชาชนต้องสูญเสียเงิน ถูกนำข้อมูลส่วนตัวไปใช้ หรือขาดความมั่นใจในการทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ อันเป็นผลเสียวงกว้างต่อระบบเศรษฐกิจ
ดังนั้น กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จึงออกมาตรการการจัดการภัยทุจริตทางการเงิน ในด้านการป้องกัน การตรวจจับ การตอบสนอง และการรับมือภัยทุจริตทางการเงินบนหลักการรักษาสมดุล ระหว่างการบริหารความเสี่ยงและการส่งเสริมบริการทางการเงินดิจิทัล เพื่อเป็นแนวทางและมาตรฐานในการปฏิบัติงานของสถาบันการเงิน ซึ่ง ธ.ก.ส. ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ พร้อมดำเนินงานตามแนวทางดังกล่าวเพื่อดูแลประชาชนให้ปลอดภัยจากภัยทางการเงินและมิจฉาชีพ รวมถึงเสริมสร้างความมั่นใจใหประชาชนผู้ใช้บริการให้สามารถทำธุรกรรมทางออนไลน์ได้อย่างปลอดภัย
สำหรับมาตรการการจัดการภัยทุจริตทางการเงิน ได้แก่ 1) มาตรการป้องกันเพื่อปิดช่องทางที่มิจฉาชีพจะเข้าถึงประชาชนได้มากขึ้น โดยงดการส่งข้อความหรืออีเมลแนบลิงก์ในการขอข้อมูลสำคัญ เช่น ชื่อ-นามสกุล หรือเลขบัตรประชาชน การปิดกั้น SMS และ Call center ที่แอบอ้างเป็นธนาคารและปิดเว็บไซต์หลอกลวงการจำกัดจำนวนบัญชีผู้ใช้งานสำหรับ Mobile Banking เพียง 1 อุปกรณ์/ผู้ใช้งาน การแจ้งเตือนผู้ใช้บริการก่อนการทำธุรกรรมบน Mobile Banking ทุกครั้ง การพัฒนาระบบความปลอดภัยให้ทันต่อภัยทางการเงินที่เปลี่ยนรูปแบบตลอดเวลา การยกระดับการยืนยันตัวตนขั้นต่ำด้วยการใช้เทคโนโลยี biometrics และการกำหนดเพดานวงเงินการทำธุรกรรมออนไลน์ต่อวันให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงผู้ใช้บริการแต่ละประเภท โดยในการปรับวงเงินสามารถปรับได้ตามความจำเป็นและต้องมีการยืนยันตัวตนอย่างเข้มงวด
2) มาตรการตรวจจับและติดตามบัญชีหรือธุรกรรมต้องสงสัย เพื่อจำกัดความเสียหายและลดการใช้บัญชีม้า โดยกำหนดเงื่อนไขในการตรวจจับและติดตามธุรกรรมที่เข้าข่ายผิดปกติ รายงานสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งสถาบันการเงินต้องมีระบบในการตรวจจับบัญชีหรือธุรกรรมที่ต้องสงสัยแบบ near real-time เพื่อให้สามารถระงับธุรกรรมเป็นการชั่วคราวได้ทันที และเปิดช่องทางในการแจ้งความออนไลน์สำหรับผู้ที่ได้รับความเสียหายจากภัยทางการเงิน และ 3) มาตรการตอบสนองและรับมือ เพื่อจัดการปัญหาให้ผู้เสียหายได้เร็วขึ้น โดยให้สถาบันการเงินมีช่องทางติดต่อเร่งด่วน (hotline) ตลอด 24 ชั่วโมง แยกจากช่องทางปกติ รวมถึงการให้ความรู้ด้านภัยทางการเงิน สำหรับกลุ่มเปราะบางและเด็กให้รู้เท่าทันต่อภัยทางการเงินและมิจฉาชีพ
โดย ธ.ก.ส. ได้เริ่มดำเนินการตามมาตรการไปแล้ว ได้แก่ การยกเลิกการส่งข้อความ (SMS) และอีเมลแนบลิงก์ในทุกกรณี และการเปิดศูนย์รับแจ้งเหตุภัยทางการเงินจากมิจฉาชีพสำหรับเกษตรกรลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง ติดต่อได้ที่ Call Center 0-2555-0555 กด 3 ทั้งนี้ ธ.ก.ส. พร้อมยกระดับมาตรฐานในการป้องกันภัยทางการเงินจากมิจฉาชีพ เพื่อดูแลเกษตรกรลูกค้าให้ปลอดภัยจากภัยทางการเงินและสามารถทำธุรกรรมออนไลน์ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย