นายสมประวิณ มันประเสริฐ รองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานกลยุทธ์องค์กร และรองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Economic Intelligence Center ธนาคารไทยพาณิชย์ (EIC SCB) กล่าวว่า กรณีของ Silicon Valley Bank (SVB) ในสหรัฐฯ และธนาคารเครดิต สวิส (Credit Suisse) ในยุโรปนั้นถือว่าเป็นความเสี่ยงแบบเฉพาะเจาะจง (Specifc Risk) ของภาคการเงิน ในเบื้องต้นมองว่ายังมีโอกาสน้อยที่ความเสี่ยงที่จะลุกลามจนเกิดวิกฤตการเงินโลกเหมือนในปี 2551 ขณะที่ประเทศไทยด้วย เนื่องจากฐานะเงินกองทุนของไทยอยู่ในระดับสูง รวมถึงธนาคารไทยไม่ได้ทำธุรกิจในลักษณะดียวกับสถาบันการเงินที่มีปัญหา และการลุกลามจะไม่เกิดขึ้น เพราะ Capital ของไทยถือว่าสูงกว่าเมื่อเทียบกับยุโรป โอกาสที่จะได้รับผลกระทบอย่างแรงจะมีน้อยเช่นเดียวกัน
"แม้ว่าเราจะมองว่าโอกาสเกิดน้อย แต่ไม่ได้วางใจ ยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดอยู่ โดยมองว่าปัจจัยที่จะส่งผลให้สถานการณ์เกิดการลุกลามได้นั้นมี 2 ประการ คือ 1.เกิดภาวะ Bank Run ต่อเนื่อง 2.ความช่วยเหลือเพียงพอหรือไม่ ซึ่งเท่าที่เห็นนับว่าการออกมาดูแลค่อนข้างเร็ว"
**ประเมิน 4 ผลกระทบหากวิกฤตลาม**
อย่างไรก็ตาม หากเกิดการลุกลามของสถานการณ์จะเห็นผลกระทบ 4 ช่องทางด้วย คือ 1.เงินทุนไหลออกรุนแรงจากภาวะปิดรับความเสี่ยง เทขายสินทรัพย์เสี่ยง แล้วนำไปลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย ราคาสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น high yield bond ลดลงรุนแรง 2.นโยบายการเงินมีความแตกต่างกันมากขึ้น โดยจะเห็นธนาคารกลางบางประเทศเร่งขึ้นดอกเบี้ย บางประเทศลดดอกเบี้ย ซึ่งปัจจัยนี้จะสร้างความผันผวน และไทยจะรับมือได้ขนาดไหน
3.ภาวะการเงินตึงตัวขึ้น โดยเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อในประเทศมีความเข้มงวดมากขึ้นตามความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น การขาดสภาพคล่องในตลาดการเงินโลก ซึ่งจะมีผลต่อการเติบโตของสินเชื่อและการลงทุน และ 4.การส่งออกหดตัวตามอุปสงค์การนำเข้าโดยเฉพาะสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปที่จะลดลงตามภาวะการเงินตึงตัวและเศรษฐกิจถดถอย
“เรามองว่าปัญหาโดมิโนจะไม่เกิดขึ้นภายใต้ดอกเบี้ยขาขึ้น สะท้อนได้จากธนาคารกลางยุรป (อีซีบี) ที่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% แสดงว่ามีความมั่นใจ แต่แน่นอนสิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะเกิดขึ้นได้อีก และตอนนี้ตลาดจับจ้องว่าจะมีธนาคารไหนที่มีความเปราะบาง และลดน้ำหนักลง ดังนั้น ถามว่าในระยะสั้นอาจจะมีความผันผวนได้ แต่เชื่อว่าประเทศไทยสามารถผ่านไปได้ เพราะตั้งแต่วิกฤตซับไพรม์ที่ค่อนข้างใหญ่สถาบันการเงินไทยก็รอด เพราะเรามีบทเรียนตั้งแต่ปี 40 หากมีปัญหาอีกน่าจะผ่านได้”
**คาดเฟด-กนง.เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ**
ด้านแนวโน้มดอกเบี้ย คาดการณ์ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 3 ครั้ง โดยจะปรับขึ้นครั้งละ 0.25% เช่นเดียวกับคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะยังคงปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 3 ครั้ง ไปอยู่ที่ระดับ 2.00% โดยในรอบการประชุมนี้ยังคงปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวชัดเจนตามแรงส่งภาคการท่องเที่ยวและบริการ ซึ่งการปรับดังกล่าวเป็นการปรับสู่ระดับปกติ และทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปมาตลอด