นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยถึงกรณีดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ร่วงลงกว่า 50 จุดวานนี้ว่า ตลาดหลักทรัพย์ค่อนข้างแกว่งตัวแรง โดยตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกติดลบหมด ซึ่งมีสาเหตุหลักจาก Silicon Valley Bank (SVB) ของสหรัฐฯ ที่ถูกสั่งปิด รวมถึง Signature Bank ในนิวยอร์กที่ถูกสั่งปิดตามไปเช่นเดียวกัน จนสร้างความตื่นตระหนกต่อนักลงทุนไปทั่วโลก โดยกังวลว่าอาจจะกระทบต่อระบบตลาดเงินโลก
แต่จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ออกมาแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว รวมทั้งมีการคุ้มครองเงินฝาก 100% และตั้งกองทุนช่วยเหลือ 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จึงสร้างความเชื่อมั่นให้ตลาดเงิน จนถึงขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกเริ่มรีบาวนด์กลับมา แต่คาดว่าต้องใช้เวลาอีกสักระยะกว่าที่ตลาดจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
"ได้หารือกับผู้ว่าฯ แบงก์ชาติแล้ว ได้รับการยืนยันว่าไม่มีสถาบันการเงินของไทยมีธุรกรรมกับทั้ง 2 ธนาคาร ในส่วนของเราตอนนี้ เท่าที่ประเมินดูจึงยังไม่มีผลกระทบอะไร รวมทั้งไม่มีผลกระทบต่อตลาดตราสาร ส่วนที่คาดว่าสหรัฐฯ จะปิดธนาคารเพิ่มเติมอีกหรือไม่คงต้องติดตามดู" รมว.คลัง กล่าว
พร้อมยืนยันว่า แม้จะมีการยุบสภาส่งผลให้เป็นรัฐบาลรักษาการก็มีหน้าที่จะต้องแก้ไขปัญหา และยังสามารถดำเนินนโยบายต่างๆ ได้ หากมีผลกระทบจากกรณีดังกล่าวในระยะต่อไป แต่หวังว่าสถานการณ์ของสหรัฐฯ จะไม่ลุกลามเป็นวงกว้าง โดยกรณีการปิดธนาคาร เป็นเพียงธนาคารในระดับภูมิภาคของสหรัฐฯ ไม่ใช่ธนาคารขนาดใหญ่ จึงไม่มีผลกระทบอะไรมาก