นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า “คณะรัฐมนตรี ได้อนุมัติการขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคเงินให้แก่กองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรมออกไปอีก 3 ปี เพื่อผลักดันการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง”
นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า “กระทรวงการคลังโดยกรมสรรพากรตระหนักถึงความสำคัญของการวิจัยและการพัฒนาเทคโนโลยีของประเทศ จึงได้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ...) พ.ศ. ... ขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคเงินให้แก่กองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรมออกไปอีก 3 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 (เดิมสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2565) สำหรับการบริจาคเงินผ่านระบบ e-Donation ให้แก่ 1) กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบมาตรวิทยา 2) กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบสาธารณสุข 3) กองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ 4) กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
บุคคลธรรมดาให้สามารถหักลดหย่อนได้ 2 เท่าของจำนวนเงินที่บริจาค แต่ต้องไม่เกิน
ร้อยละ 10 ของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนตามมาตรา 47 (1) (2) (3) (4) (5) หรือ (6) แห่งประมวลรัษฎากร
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลให้สามารถหักรายจ่ายได้ 2 เท่าของรายจ่ายที่บริจาค แต่ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬาตามมาตรา 65 ตรี (3) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร”
อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวเพิ่มเติมว่า “การขยายระยะเวลามาตรการดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในการร่วมกันพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ ทั้งยังช่วยให้การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมและการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้รับเงินทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้สามารถยกระดับขีดความสามารถทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาวต่อไป”
หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานสรรพากรทุกแห่งทั่วประเทศ หรือศูนย์สารนิเทศสรรพากร (RD Intelligence Center) โทร.1161