ธนาสิริฯ กางแผนรุกอสังหาฯ ต่อเนื่องตามโรดแมป 3 ปี (66-68) ยอดขายและรายได้เติบโตระดับ 30% กำไร 10% ขึ้นทุกปี งัดกลยุทธ์เด็ดปี 66 ขยายโลเกชันใหม่ เพิ่มโอกาสลงทุน ฐานลูกค้าและสร้างโปรดักต์ใหม่ เผยนำร่องเปิด 4 โครงการใหม่ปีนี้ มูลค่า 3,300 ล้านบาท ผนึกพันธมิตรญี่ปุ่นลุยต่อ บุกโซนบางนาครั้งแรก เปิดโครงการมูลค่ากว่าพันล้านบาท ทั้งบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด รองรับ EEC พร้อมไต่ระดับสู่การพัฒนาบ้านเดี่ยวราคา 18-25 ล้านบาท แย้มปีนี้อาจมีข่าวดีดีลร่วมทุนกับแลนด์ลอร์ดพัฒนาโครงการ ตลาดคอนโดฯ ในเมืองน่าสนใจอีกครั้ง ส่วนที่ดินผืนใหญ่ 100 ไร่ ใกล้หาดกมลา ภูเก็ต ทุนไทยและต่างชาติสนใจร่วมพัฒนา
นายสุทธิรักษ์ เสถียรภาพอยุทธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (THANA) ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจที่บริษัทยึดมั่นพันธกิจสู่การเติบโตน่าอยู่ยั่งยืนว่า ตามโรดแมปแผน 3 ปีจากนี้ (2566-2568) บริษัทได้วางกลยุทธ์ที่จะรักษาการเติบโตทั้งในเรื่องของยอดขายและรายได้อยู่ระดับ 30% ทุกปี และมีอัตรากำไรที่เติบโตระดับ 10% ขึ้นไปทุกปีเช่นกัน ซึ่งจะเห็นได้ว่าในปี 2565 ธนาสิริฯ มีการเติบโตในเชิงตัวเลขอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก
นอกจากนี้ มองว่าปัจจุบันพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลมีการแข่งขันรุนแรงมาก จึงมีแนวความคิดที่จะขยายพอร์ตไปตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น จากที่ก่อนหน้านี้ได้ร่วมทุนกับพันธมิตรใน จ.อุดรธานี พัฒนาโครงการแนวราบภายใต้แบรนด์สิริวิลเลจ อุดรธานี-แอร์พอร์ต และสิริวิลเลจ ภูเก็ต-อนุสาวรีย์ ซึ่งเป็นการพัฒนาเอง โดยที่สิริวิลเลจ อุดรธานี-แอร์พอร์ต ในกลางปี 2566 มีแผนที่จะเปิดขายเฟส 2 อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีแผนที่จะปรับแบรนด์ “สิริวิลเลจ” ที่พัฒนาในโครงการต่างจังหวัดให้มีแบรนด์ของธนาสิริเข้าไปด้วย เพื่อสร้างความจดจำของผู้บริโภค และหากแลนด์ลอร์ดที่ดินในต่างจังหวัดสนใจที่จะนำที่ดินว่างเปล่าให้บริษัทเข้าไปร่วมพัฒนา สนใจที่จะร่วมทุน ซึ่งอยู่ในระหว่างเจรจาอยู่ 2 ราย คือ ทางภาคเหนือและภาคอีสาน คาดว่าในปีนี้จะมีความชัดเจน 1 ราย
สำหรับแผนธุรกิจในปีนี้ บริษัทวางเป้าเปิด 4 โครงการใหม่ มูลค่า 3,300 ล้านบาท มีการกระจายสินค้าในแต่ละระดับราคาให้ครอบคลุมกับความต้องการของลูกค้า โดยจะเริ่มขยับการขายสินค้าที่มีราคาใกล้เข้าเมืองมากขึ้น
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ส่งให้ธนาสิริมีก้าวต่อไปที่เติบโตน่าอยู่ยั่งยืน เนื่องจากบริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมคุณภาพชีวิตของลูกค้าที่ไม่ใช่เพียงการพัฒนาบ้านที่มีคุณค่า แต่ให้ความสำคัญในมิติของคุณภาพชีวิตที่ดีตลอดระยะเวลาการเป็นลูกค้า ภายใต้พันธกิจ “Lifetime Total Living Solution” รวมถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม สังคม และสิ่งแวดล้อม ตอกย้ำเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development : ESG) ที่สร้างสมดุลของผลประกอบการในเชิงตัวเลข เพื่อเติบโตไปพร้อมกับลูกค้า เพื่อนบ้านข้างเคียง สังคม และร่วมลดผลกระทบและพัฒนาสิ่งแวดล้อมในทุกๆ ด้าน
โดยผลประกอบการในปี 2565 สามารถทำยอดขายได้ 1,422 ล้านบาท ขณะที่รายได้เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้คือ 1,024 ล้านบาท และประสิทธิภาพการทำกำไรสุทธิกว่า 12% มากกว่าปีที่ผ่านมากว่า 3 เท่าตัว ปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา และขาย 5 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) 198 ล้านบาท (สิ้นเดือน ธ.ค.2565)
นายจรัญ เกษร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานปฏิบัติการ บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (THANA) กล่าวเสริมว่า ธนาสิริยังคงเน้นที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบ เบื้องต้นเปิดตัว 4 โครงการ มูลค่า 3,300 ล้านบาท รวม 600 ยูนิต รวมที่ดินนำมาพัฒนาประมาณ 100 ไร่ ทั้งนี้ โครงการที่เปิดใหม่นอกจากจะอยู่ในทำเลแถวนนทบุรีแล้ว ยังได้ขยายตัวสู่ทำเลย่านบางนา โดยมุ่งหวังขยายฐานกลุ่มลูกค้า และพัฒนาสินค้าให้ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ตอบโจทย์โรดแมปใน 3 ปีข้างหน้า
โดยโครงการแรกที่เปิดตัวจะเป็นโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรที่แข็งแรงอย่างอนาบูกิ โคซัน จากประเทศญี่ปุ่น พัฒนาโครงการธนาสิริ วิลเลจ บางนา-บางบ่อ มูลค่า 1,010 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการ 3 ที่บริษัทร่วมทุนกับญี่ปุ่น ระดับราคา 2.98 ล้านบาท จำนวน 348 ยูนิต มีทั้งบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด โครงการธนาสิริ เรสซิเดนท์ บรมราชชนนี-ปิ่นเกล้า มูลค่าโครงการ 890 ล้านบาท จำนวน 52 ยูนิต บ้านเดี่ยวขนาดเนื้อที่ 100 ตารางวา ระดับราคา 18-25 ล้านบาท โครงการ Habitat นนทบุรี โครงการเรือธงของธนาสิริ มูลค่า 600 ล้านบาท จำนวน 100 ยูนิต รูปแบบบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ราคา 6-7 ล้านบาท และไตรมาส 4 เปิดโครงการใหม่ที่ จ.นนทบุรี มูลค่า 800 ล้านบาท จำนวน 100 ยูนิต บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ราคา 8 ล้านบาท
สำหรับแนวทางการพัฒนาโครงการอาคารชุดพักอาศัย (คอนโดมิเนียม) ที่คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปี 2567 เพื่อรองรับแผนการเติบโตด้านรายได้ เน้นการพัฒนาที่มีการขายและปิดโครงการได้รวดเร็ว โดยกลุ่มเป้าหมายคนเจนใหม่วัยทำงานระดับกลาง-ล่างที่ต้องการอยู่อาศัยจริงเป็นบ้านหลังแรก ในระดับราคาล้านบาทบวกลบ รูปแบบคอนโดฯ โลว์ไรส์ ใกล้แหล่งชุมชน เดินทางเข้าเมืองได้ และการเพิ่มพอร์ตคอนโดฯ จะส่งผลให้ในอนาคตรายได้จากอาคารชุดเพิ่มเป็น 30% และแนวราบประมาณ 70%
นายสุทธิรักษ์ กล่าวเสริมว่า สำหรับที่ดินสะสมของธนาสิริฯ ใกล้หาดกมลา จ.ภูเก็ต ประมาณ 100 ไร่ มูลค่ารวมเกือบ 800 ล้านบาท มีพันธมิตรจากทั้งของคนไทยและต่างชาติสนใจที่จะมาร่วมทุนด้วยเป็นจำนวนมาก แต่บริษัทยังไม่ตัดสินใจเลือก