โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ โกยรายได้งวดสิ้นปี 65 แตะ 29,320.6 ล้านบาท และกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติสูง ที่ 4,459.1 ล้านบาท ผลดีจากธุรกิจขนส่งทางเรือมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA 5,193.1 ล้านบาทสูงที่สุดในรอบกว่าทศวรรษ ขณะธุรกิจบริการนอกชายฝั่งฟื้นผลประกอบการมาเป็นกำไร และกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตรมีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 19% ส่วนกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มการลงทุนอื่นกำไรเติบโตต่อเนื่อง
นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA แจ้งผลประกอบการปี 2565A ว่ามีรายได้ 29,320.6 ล้านบาท และกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติสูง ที่ 4,459.1 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือรายงานผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA ที่ 5,193.1 ล้านบาทซึ่งสูงที่สุดในรอบกว่าทศวรรษ ขณะที่กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่งประสบความสำเร็จในการพลิกฟื้นผลประกอบการมาเป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 8.6 ล้านบาท และกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตรมีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็น 583.0 ล้านบาท
เนื่องจาก การเพิ่มขึ้นของอัตราค่าระวางเรือเทียบเท่า และกำไรที่กลับมาเป็นบวกของกลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง เพราะกลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือมีอัตราค่าระวางเรือเทียบเท่า (TCE) เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นค่าเฉลี่ย 24,763 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ในปี 2565 โดยมีกำไรทั้งจากเรือที่กลุ่มธุรกิจฯ เป็นเจ้าของและเรือเช่า ส่วนกลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่งประสบความสำเร็จในการพลิกฟื้นผลประกอบการกลับมาเป็นกำไร และ มีมูลค่างานให้บริการที่รอส่งมอบ (order book) ที่แข็งแกร่ง 321 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปี
ขณะกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตรยังคงทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง จากการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้น แม้ว่าปริมาณขายปุ๋ยรวมลดลง
ส่งผลให้สิ้นปี 2565 TTA มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 8,430.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จำนวน 156.7 ล้านบาท จากต้นปี โดยในปี 2565 มีกระแสเงินสดสุทธิได้มาจากกิจกรรมการดำเนินงาน 6,332.0 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือและกลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง ทำให้ TTA มีฐานะการเงินยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องด้วยเงินสดภายใต้การบริหาร จำนวน 10.1 พันล้านบาท อัตราส่วนสภาพคล่องอยู่ที่ 2.17 เท่า สะท้อนถึงสภาพคล่องที่เพียงพอ และการมีเงินสดภายใต้การบริหารมากกว่า หนี้สิ้นที่มีภาระดอกเบี้ย
นายเฉลิมชัย เผยว่า “TTA มีผลการประกอบการที่แข็งแกร่งในปี 2565 แล้ว ยังเป็น 1 ใน 170 บริษัทฯ ที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีรายชื่ออยู่ในหุ้นยั่งยืน หรือ Thailand Sustainability Investment (THSI) ประจำปี 2565 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสังคม และด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG) นอกจากนี้ TTA ยังได้รับการจัดอันดับบริษัทจดทะเบียนที่มีการกำกับดูแลกิจการในเกณฑ์ “ดีเลิศ” หรือ 5 ดาว ติดต่อกันเป็นปีที่ 4 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีอย่างต่อเนื่อง”
ส่วนแนวโน้มปี 2566 นั้น Clarksons Research ได้คาดการณ์การเติบโตของการค้าสินค้าแห้งเทกองที่ร้อยละ 1.3 ในหน่วยตัน หรือร้อยละ 2.0 ในหน่วยตันไมล์ ในขณะเดียวกัน แนวโน้มภาพรวมของอุปทานในปี 2566 ยังสนับสนุนตลาดเรือขนส่ง โดยมียอดสั่งซื้อที่ต่ำที่ร้อยละ 7 ของปริมาณกองเรือ ทั่วโลกทั้งหมด และคาดการณ์การขยายตัวของกองเรือจะอยู่ที่ร้อยละ 1.8 นอกจากนี้ กฎระเบียบด้านการปล่อยมลพิษใหม่ EEXI และ CII อาจช่วยทำให้อุปทานเรือขนส่งบางส่วนให้ลดลงจากความเร็วในการเดินเรือที่ลดลง และเวลาสำหรับเรือขนส่งที่ต้องปรับปรุงเรือให้เป็นไปตามข้อกำหนด ทั้งนี้ แนวโน้มตลาดในภาพรวมยังคงเป็นบวกด้วยปัจจัยพื้นฐานที่สมดุล อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่
โดย TTA แจ้งผลการดำเนินงานของแต่ละกลุ่มธุรกิจคือ "กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ" โทรีเซน ชิปปิ้ง มีรายได้จากค่าระวางอยู่ที่ 14,016.7 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากค่าระวางเรือเทียบเท่าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น จำนวนวันทำงานของเรือที่กลุ่มธุรกิจฯ เป็นเจ้าของเพิ่มขึ้น และการอ่อนค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ โทรีเซน ชิปปิ้ง รายงานผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA ที่ 5,193.1 ล้านบาท ซึ่งสูงที่สุดในรอบกว่าทศวรรษ ด้วยอัตราค่าระวางเรือเทียบเท่าที่โดดเด่นเฉลี่ย 24,763 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ในปี 2565 นอกจากนี้ อัตราค่าระวางเรือเทียบเท่าเฉลี่ยของกลุ่มธุรกิจฯ ยังคงสูงกว่าอัตราค่าระวางเรือซุปราแมกซ์สุทธิที่ 21,045 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน อยู่ร้อยละ 18 ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของเรือ (OPEX) ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 3,936 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 4,588 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน อยู่ร้อยละ 14 ซึ่ง ณ สิ้นปี โทรีเซน ชิปปิ้ง เป็นเจ้าของเรือ จำนวน 24 ลำ (เรือซุปราแมกซ์ 22 ลำ และเรืออัลตราแมกซ์ จำนวน 2 ลำ) มีระวางบรรทุกเฉลี่ยเท่ากับ 55,913 เดทเวทตัน (DWT) และมีอายุเฉลี่ย 14.7 ปี
กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง "บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) หรือเมอร์เมดฯ" รายงานรายได้ 7,905.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากการบริการทุกส่วน คิดเป็นร้อยละ 119 เมื่อเทียบกับปีก่อน รายได้จากงานรื้อถอน (decommissioning) งานขนส่งและติดตั้ง (Transportation & Installation: T&I) และงานวางสายเคเบิลใต้ทะเลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากการขยายการบริการ และคิดเป็นร้อยละ 49 ของรายได้รวมของกลุ่มธุรกิจฯ นอกจากนี้ รายได้จากงานวิศวกรรมที่ใต้ทะเล (subsea-IRM([1])) เพิ่มขึ้นร้อยละ 38 เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของงานที่ไม่ใช้เรือในโครงการวิศวกรรมใต้ทะเลด้านสำรวจและซ่อมบำรุง อัตราค่าจ้างรายวันเพิ่มขึ้น และอัตราการใช้ประโยชน์ของเรือวิศวกรรมใต้ทะเลที่เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 79 ในปี 2565 เมื่อเปรียบเทียบกับ ร้อยละ 66 ในปี 2564
โดยสรุป เมอร์เมดฯ ประสบความสำเร็จในการพลิกฟื้นผลประกอบการกลับมาเป็นกำไรสุทธิ จำนวน 34.2 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นร้อยละ 107 เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 8.6 ล้านบาท ในปี 2565 มีมูลค่าสัญญาให้บริการรอส่งมอบสูงต่อเนื่องที่ 321 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปีก่อน
สำหรับ กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร ในปี 2565 " บริษัท พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PMTA" รายงานรายได้ 4,246.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับปีก่อน จากทุกผลิตภัณฑ์และบริการ โดยรายได้จากการขายปุ๋ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากราคาขายปุ๋ยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ปริมาณขายปุ๋ยรวมลดลงร้อยละ 36 เมื่อเทียบกับปีก่อน จาก 224.2 พันตัน ในปี 2564 เป็น 143.3 พันตัน ในปี 2565 เนื่องจากปริมาณขายปุ๋ยที่ลดลงในประเทศของเวียดนาม ทั้งนี้ ปริมาณขายในประเทศ คิดเป็นร้อยละ 66 ของปริมาณขายปุ๋ยทั้งหมด อยู่ที่ 94.4 พันตัน ขณะที่ปริมาณส่งออกปุ๋ยปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 22 เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็น 48.9 พันตัน เนื่องจากปริมาณส่งออกปุ๋ยไปยังประเทศฟิลิปปินส์ขยายตัว การส่งออกไปยังลูกค้าหลักในประเทศแถบแอฟริกายังคงถูกจำกัดจากอัตราค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์ที่สูง
ส่วนรายได้จากการให้บริการจัดการพื้นที่โรงงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับปีก่อนเป็น 75.0 ล้านบาท จากการประสบความสำเร็จในการเข้าซื้ออาคารคลังสินค้าขนาด 10,000 ตารางเมตร และสิทธิการใช้พื้นที่โรงงานเพื่อเก็บสินค้าในประเทศเวียดนาม ประกอบกับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น
โดยสรุป PMTA รายงานผลกำไรสุทธิที่ 78.1 ล้านบาท และผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 53.5 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 41 เมื่อเทียบกับปีก่อน
กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) พิซซ่า ฮัท ดำเนินงานภายใต้บริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 70 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 พิซซ่า ฮัท มีสาขาทั้งหมด 193 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งสาขาทั้งหมดที่เปิดใหม่เป็นสาขาที่เปิดตามหัวเมืองใหญ่ ในขณะที่ ทาโก้ เบลล์ เป็นแฟรนไชส์อาหารเม็กซิกันสไตล์ที่มีชื่อเสียงชั้นนำระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ดำเนินงานภายใต้บริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 70 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ทาโก้ เบลล์ มีสาขาทั้งหมด 12 สาขาทั่วประเทศ