"พรีเมียร์ควอลิตี้สตาร์" โกยรายได้รวมแตะ 2,532.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.36% จากปี 2564 มีรายได้อยู่ที่ 2,254.03 ล้านบาท ผลดีจากราคาขายสินค้าขยับขึ้นจากปีก่อนสนับสนุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเผยปี 65 เป็นปีที่ 2 ธุรกิจมีการเติบโต ตอกย้ำตัวเลขรายได้จากการขายสินค้าแป้งมันสำปะหลังเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับรายได้จากการขายกระแสไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ ด้านบอร์ดใจดีประกาศจ่ายปันผลเป็นเงินสดหุ้นละ 0.15 บาท
นายรัฐวิรุฬห์ ชาญจึงถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีเมียร์ควอลิตี้สตาร์ช จำกัด (มหาชน) หรือ PQS ผู้ผลิตแป้งมันสำปะหลังชั้นนำในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตแป้งมันสำปะหลังกว่า 18 ปี เปิดเผยว่า บริษัทฯ รายงานผลการดำเนินงานงวดปี 2565 ( ม.ค.-ธ.ค.2565) มีรายได้รวม 2,532.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.36% จากปี 2564 มีรายได้รวม 2,254.03 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิปี 2565 อยู่ที่ 283.65 ล้านบาท ทรงตัวจากปีก่อน
สำหรับปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้าแป้งมันสำปะหลังเพิ่มขึ้น จำนวน 267.50 ล้านบาท คิดเป็น 12.30% จากปีก่อนหน้า ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการเพิ่มขึ้นของราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ปริมาณการขายแป้งมันสำปะหลังใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า และราคาขายเฉลี่ยเท่ากับ 15.83 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่มีราคาขายเฉลี่ยประมาณ 13.32 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มราคาตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2565 ที่ผ่านมา
นายรัฐวิรุฬห์ กล่าวเสริมว่า ในปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายกระแสไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพเท่ากับ 38.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.07 ล้านบาท คิดเป็น 35.45% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจากปริมาณการขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจำนวน 0.40 ล้านเมกะวัตต์-ชั่วโมง (MWh) และการเพิ่มขึ้นของราคาขายไฟต่อหน่วยที่จำหน่ายให้การไฟฟ้าตามราคากลางที่เพิ่มขึ้น ส่วนรายได้อื่นๆ ที่ประกอบด้วยรายได้จากการขายเศษวัสดุ รายได้ดอกเบี้ยรับมีจำนวน 51.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.99 ล้านบาท คิดเป็น 1.94% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากรายได้จากการขายเศษวัสดุให้บุคคลภายนอกเพิ่มขึ้นตามราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น
ด้านต้นทุนขายสินค้าและไฟฟ้าในปี 2565 อยู่ที่ 1,923.65 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราส่วนต้นทุนขายสินค้าต่อรายได้จากการขายสินค้าเท่ากับ 78.77% เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับยอดขายสินค้าของบริษัทฯ ที่เพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบสัดส่วนต้นทุนขายสินค้าต่อรายได้จากการขายสินค้าเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2564 ส่วนหนึ่งมาจากราคาวัตถุดิบหัวมันสำปะหลังที่คงตัวในระดับสูง ในขณะที่ราคาขายมีความผันผวนสูงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะช่วงปลายปี
ส่วนต้นทุนขายไฟฟ้าในปี 2565 เท่ากับ 15.40 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราส่วนต้นทุนขายไฟฟ้าต่อรายได้จากการขายไฟฟ้า เท่ากับ 40.02% ซึ่งมีสัดส่วนต้นทุนขายไฟฟ้าลดลงเมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีอัตราส่วนต้นทุนขายไฟฟ้าต่อรายได้จากการขายไฟฟ้า เท่ากับ 50.53% โดยมีสาเหตุจากสัดส่วนของค่าเสื่อมราคาต่อรายได้จากการขายลดลง รวมทั้งค่าซ่อมแซมและซ่อมบำรุงที่ลดลง
“ในปี 2565 บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขายลดลงเมื่อเทียบกับปี 2564 ลดลงเล็กน้อยเป็นไปตามปริมาณการขายที่ใกล้เคียงกับปีก่อน ซึ่งบริษัทฯ ยังคงสามารถบริหารค่าใช้จ่ายในการขายได้ดีถึงแม้จะมีความผันผวนจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ส่วนตัวเลขกำไรขั้นต้นเท่ากับ 518.48 ล้านบาท หรือคิดเป็น 20.47% โดยอัตรากำไรขั้นต้นของแป้งมันสำปะหลังได้รับแรงกดดันมาจากผลพวงราคาวัตถุดิบหัวมันสำปะหลังที่ยังคงตัวในระดับสูง ในขณะที่ราคาขายมีความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะช่วงปลายปี สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นของการขายกระแสไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ ปี 2565 บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 49.47% ในปี 2564 เป็น 59.98% ในปี 2565 เนื่องจากต้นทุนการผลิตเช่น ค่าเสื่อมราคา ค่าซ่อมบำรุง และอื่นๆ มีสัดส่วนต้นทุนลดลง” นายรัฐวิรุฬห์ กล่าว
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดสำหรับงวดปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 10 มีนาคม 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 28 เมษายน 2566