รายงานจากบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลบนบล็อกเชนเผยปี 2022 แฮ็กเกอร์ผยองปล้นคริปโตคิดเป็นมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 3,800 ล้านดอลลาร์ ขณะที่รายงานจากยูเอ็นชี้หัวโจกสำคัญคือแฮ็กเกอร์จากเกาหลีเหนือ
นักวิจัยของเชนนาไลซิส บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลบนบล็อกเชน ระบุในรายงานที่เผยแพร่ออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ปี 2022 เป็นปีที่มีการแฮ็กคริปโตมากที่สุด และเมื่อวันจันทร์ (6) รอยเตอร์รายงานโดยอ้างอิงรายงานที่เป็นข้อมูลความลับของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่พบว่า ปีที่ผ่านมาเกาหลีเหนือขโมยสินทรัพย์คริปโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ ระหว่างที่โควิดระบาด นักลงทุนมากมายในอเมริกาหวังรวยทางลัดเทเงินเป็นล้านดอลลาร์ลงทุนในบิตคอยน์ อีเธอเรียม โดชคอยน์ และโทเคนยอดนิยมอื่นๆ แต่แทนที่จะสมหวัง นักลงทุนบางคนกลับขาดทุนเพราะแฮ็กเกอร์ที่เข้าไปปล้นกระเป๋าสตางค์ดิจิตอลบนแพลตฟอร์มที่มีระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์คุณภาพต่ำ
รายงานของเชนนาไลซิสระบุว่า อาชญากรบนไซเบอร์ของเกาหลีเหนือทุบสถิติตัวเองสำหรับการปล้นคริปโตส่วนใหญ่และกวาดเงินไป 1,700 ล้านดอลลาร์ในปี 2022 ซึ่งจากข้อมูลมูลค่าการส่งออกตลอดปี 2020 ของเกาหลีเหนือที่ 142 ล้านดอลลาร์ จึงสามารถพูดได้ว่า การแฮ็กคริปโตเป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบเศรษฐกิจโสมแดง
จำนวนการแฮ็กตลอดปี 2022 มีทั้งเพิ่มขึ้นและลดลง โดยเพิ่มขึ้นชัดเจนในเดือนมีนาคมและตุลาคม เชนนาไลซิสชี้ว่า ตุลาคมเป็นเดือนที่มีการแฮ็กคริปโตมากที่สุดคือ 32 ครั้ง รวมมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้น 775.7 ล้านดอลลาร์
เป้าหมายหลักของแฮ็กเกอร์คือแพลตฟอร์ม DeFi หรือบริการทางการเงินแบบไม่ผ่านคนกลาง ซึ่งเชื่อมโยงกับ 82% ของกองทุนที่ถูกปล้นเมื่อปีที่แล้ว รายงานของเชนนาไลซิสแจงว่า อาชญากรจะลงมือเมื่อนักลงทุนคริปโตใช้บริการโอนเงินจากเครือข่ายบล็อกเชนหนึ่งไปยังอีกเครือข่ายที่เรียกว่า “cross-chain bridge”
การแฮ็กครั้งใหญ่ที่สุดในเดือนตุลาคมเกิดขึ้นเมื่อแฮ็กเกอร์รายหนึ่งปล้นคริปโตมูลค่า 586 ล้านดอลลาร์จาก cross-chain bridge ของไบแนนซ์ ซึ่งต่อมายอมรับเรื่องนี้แต่บอกว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสามารถป้องกันให้เกิดความสูญเสียน้อยที่สุด
ในส่วนรายงานของยูเอ็นนั้นระบุว่า ปีที่ผ่านมาแฮ็กเกอร์โสมแดงขโมยคริปโตรวมมูลค่าระหว่าง 630- 1,000 ล้านดอลลาร์ และเสริมว่า แม้การประมาณการของตนต่ำกว่ารายงานของเชนนาไลซิสมากแต่ถือว่า ปี 2022 เป็นปีที่แฮ็กเกอร์เกาหลีเหนือปล้นคริปโตมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์
นอกจากนั้น ยูเอ็นยังตั้งข้อสังเกตว่า เกาหลีเหนือพุ่งเป้าขโมยข้อมูลของบริษัทการบินและกลาโหมต่างชาติ รวมถึงเครือข่ายของบริษัทเหล่านั้นเพื่อรีดไถโดยใช้แรนซัมแวร์
แม้รายงานของยูเอ็นไม่ได้ระบุชัดเจนว่า บริษัทที่ตกเป็นเหยื่อจ่ายด้วยคริปโตหรือไม่ แต่จากข้อเท็จจริงที่แรนซัมแวร์ทั้งหมดอิงกับการจ่ายด้วยบิตคอยน์ จึงหมายความว่า แฮ็กเกอร์เกาหลีเหนือน่าจะได้รับค่าไถ่เป็นคริปโตเกือบจะแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์
นอกจากแรนซัมแวร์ แฮ็กเกอร์โสมแดงยังเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ต่างๆ ในแวดวงคริปโต ซึ่งรวมถึงการโจมตีฮาร์โมนี โปรโตคอล, โรนิน บริดจ์ และบริษัทคริปโตของญี่ปุ่น
ยิ่งไปกว่านั้นการที่เกาหลีเหนือถูกกล่าวหาว่าใช้บริการช่วยปกปิดการทำธุรกรรมคริปโต (coin mixer) ทอร์นาโด แคช จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้โปรโตคอลนี้ถูกกระทรวงการคลังสหรัฐฯ แซงก์ชันเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา
เดือนธันวาคม 2022 หน่วยงานของรัฐบาลเกาหลีใต้ยังเปิดเผยรายงานที่ระบุว่า แฮ็กเกอร์เกาหลีเหนือขโมยคริปโตรวมมูลค่า 1,200 ล้านดอลลาร์นับตั้งแต่ปี 2017
ขณะเดียวกัน เพอร์เพิลเซ็ก ยูเอสคาดว่า อาชญากรรมทางไซเบอร์จะสร้างความสูญเสียเป็นมูลค่าถึงปีละ 6 ล้านล้านดอลลาร์