ตลาดหุ้นแกว่งตัวในกรอบ 1,680 จุด มายาวนานแล้ว แม้ขยับเข้าไปใกล้แค่เอื้อมสู่แนวต้าน 1,700 จุด แต่ต้องถอยร่นลงมาทุกครั้งเพราะขาดปัจจัยหนุน รวมทั้งความกังวลสหรัฐฯ ขึ้นดอกเบี้ยยังคงกดดันอยู่
ประเดิมการซื้อขายหุ้นรับสัปดาห์ใหม่เมื่อวันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นตกอยู่ในสภาพซบเซาอย่างหนัก ดัชนีหุ้นปิดที่ 1,682.11 จุด ลดลง 6.25 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายลดวูบเหลือเพียง 47,888 ล้านบาทเท่านั้น
ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในเดือนมกราคม พุ่งขึ้นเกินความคาดหมาย 517,000 ตำแหน่ง จากที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 187,000 ตำแหน่ง
ค่าเงินดอลลาร์แข็งขึ้นทันที ราคาน้ำมันร่วง เช่นเดียวกับดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ทรุดตัวลงเพราะคาดว่า สหรัฐฯ มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยยาวนานขึ้น และอาจขยับสูงกว่า 5%
นักลงทุนต่างชาติเผ่นหนีไปหลายวันแล้ว ขายหุ้นออกต่อเนื่องวันละกว่า 2 พันล้านบาท ฉุดรั้งดัชนีไม่ให้วิ่งไปไหนได้ไกล นอกจากขึ้นลงในกอบแคบๆ ซึ่งแม้จะตรึงอยู่เหนือ 1,680 จุดมาได้ตลอด แต่ไม่มีหลักประกันว่าจะไม่หลุดลงไปหาแนวรับที่ 1,650 จุด
มูลค่าซื้อขายที่เงียบเหงาเหลือต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนเริ่มชะลอการซื้อขาย และระมัดระวังตัวมากขึ้น ส่วนหนึ่งถอยออกไปยืนดูสถานการณ์อยู่ห่างๆ
ธุรกิจการท่องเที่ยวที่คึกคัก ชาวจีนทะลักเข้าประเทศไทยจนสถานการณการท่องเที่ยวฟื้นตัว และแทบจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมก่อนเกิดโควิด
แต่การฟื้นตัวด้านการท่องเที่ยวเพียงด้านเดียวไม่อาจปลุกให้เศรษฐกิจกลับมาคึกคักได้ และหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวได้ซึมซับรับข่าวดี จนราคาเริ่มอิ่มตัวแล้ว
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ที่มองโลกสวย ประเมินว่าดัชนีปีนี้จำพุ่งทะลุ 1,800 จุด หรือทะยานไปไกลถึง 1,870 จุด สร้างจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ของตลาดหุ้นไทย จะต้องรับทัศนคติมุมมองใหม่
เพราะโลกการลงทุนในความเป็นจริงไม่ได้สวยหรู โดยเฉพาะปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งจะกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ต้องขึ้นดอกเบี้ยอีก ขณะที่สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ไม่มีแนวโน้มจะสงบลงง่าย มีแต่จะเลวร้ายและขยายวงมากขึ้น
นักลงทุนต่างชาติที่คาดว่าจะกลับมาลุยซื้อหุ้นอย่างหนักต่อเนื่องจากปี 2565 แม้ในเดือนมกราคมซื้อหุ้นกว่า 2 หมื่นบ้านบาท แต่เดือนกุมภาพันธ์กลับขายหนักตลอด วันละกว่า 2 พันล้านบาท
ถ้าต่างชาติไม่กลับมา ตลาดหุ้นไทยจะขาดกองหนุนในการขับเคลื่อนดัชนีให้วิ่งไปถึง 1,800 จุด
แนวโน้มตลาดหุ้นปี 2566 ไม่ได้สดใสเสียทีเดียว เพราะยังมีปัจจัยที่พร้อมจะสร้างความผันผวนอยู่รอบด้าน มีแต่เพียงการท่องเที่ยวเท่านั้นที่ดีขึ้น แต่สร้างแรงกระตุ้นได้เฉพาะหุ้นกลุ่มเปิดเมืองเท่านั้น
ขณะที่ตลาดหุ้นโดยภาพรวมยังต้องการปัจจัยชี้นำที่เป็นรูปธรรม ไม่ใช่การสมมติฐานปัจจัยหนุนบนความคาดหวังในทางนามธรรม
มูลค่าการซื้อขายที่ลดลงมาเหลือ 4.78 หมื่นล้านบาท เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เป็นการส่งสารถึงนักลงทุน อย่ามองโลกสวยตามนักวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ทั้งไทยและต่างประเทศ
แต่ต้องมองว่า ปีกระต่ายอะไรที่จะเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นบ้าง และมีปัจจัยลบอะไรที่เป็นความเสี่ยง ทำให้หุ้นเกิดความผันผวน
และทำไมดัชนีจึงถูกตรึงอยู่ที่ระดับ 1,680 จุด มาเป็นแรมเดือนแล้ว รอบนี้จะได้เห็น 1,700 จุดหรือไม่ หรือจะถอยลงไปตั้งหลักที่ 1,650 จุด