หุ้นไทยปิดตลาดร่วง -6.25 จุด โบรกฯ ชี้ตลาดกลับมากังวล หากแนวโน้มรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในเดือน ม.ค.ดีกว่าที่ประเมินไว้ อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ เกิน 5% ถึง 5.25% ซึ่งจะทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่า และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (Bond Yield) อายุ 10 ปี ปรับตัวพุ่งขึ้นอีกครั้งกดดันตลาดหุ้นอีกครั้ง ประเมินกรอบการลงทุนวันพรุ่งนี้มองแนวต้าน ที่1,690 จุด และแนวรับที่ 1,675 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 6 ก.พ. 2566 ปรับตัวลดลง -6.25 จุด หรือ -0.37% จุด โดยปิดตลาดที่ 1,682.11 จุด มูลค่าการซื้อขาย 47,903.55 ล้านบาท โดยภาพรวมการซื้อขายในวันนี้ ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,687.78 จุด ขณะเดียวกันก็ปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,680.22 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 497 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 477 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 1,041 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิกว่า -2,269.11 ล้านบาท และ นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -107.52 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +1,855.82 ล้านบาท และ บัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า +520.81 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.DELTA มูลค่าการซื้อขาย 2,542.16 ล้านบาท ปิดที่ 950.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
2.KCE มูลค่าการซื้อขาย 1,437.70 ล้านบาท ปิดที่ 56.50 บาท ลดลง 1.50 บาท
3.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,376.35 ล้านบาท ปิดที่ 164.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
4.BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,250.35 ล้านบาท ปิดที่ 11.30 บาท ลดลง 0.20 บาท
5.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,222.46 ล้านบาท ปิดที่ 66.75 บาท ลดลง 0.75 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.TIPHปิดที่ 51.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 2.99%
2.TISCOปิดที่ 103.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 1.48%
3.BLAปิดที่ 30.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 4.31%
4.CENTEL ปิดที่ 54.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 2.37%
5.TQM ปิดที่ 43.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 2.37%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.PTTEP ปิดที่ 164.00 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 1.20%
2..SCC ปิดที่ 336.00 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ- 0.59%
3.CPNปิดที่73.00 บาท ลดลง 1.75 บาท หรือ 2.34%
4.FORTH ปิดที่ 42.50 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 3.41%
5.KCE ปิดที่ 56.50 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 2.59%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,254.50 จุด ลดลง -11.92 จุด หรือ -0.53% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 998.63 จุด ลดลง -5.59 จุด หรือ -0.56% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 614.14 จุด เพิ่มขึ้น 0.90 จุด หรือ 0.15%
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์บุคคล บล.บัวหลวง เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ดัชนีปรับลงตามทิศทางตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่และตลาดหุ้นยุโรปเปิดทำการช่วงบ่ายปรับลงเช่นเดียวกัน ตอบรับความกังวลรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเดือน ม.ค.ดีกว่าคาด อาจจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯเกิน 5% อาจไปที่ 5.25%
อย่างไรก็ตามปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่า และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (Bond Yield) อายุ 10 ปี พุ่งขึ้นอีกครั้งกดดันตลาดหุ้น แม้ว่าวันนี้ปัจจัยในประทศรายงานเงินเฟ้อไทยเดือน ม.ค.66 ออกมาต่ำกว่าคาดก็ตาม โดยมีแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ออกมากดดัน
ส่วนแนวโน้มวันพรุ่งนี้ ประเมินว่าดัชนีจะยังคงแกว่งตัวไซด์เวย์ เนื่องจากไร้ปัจจัยใหม่เข้าสนับสนุน และยังคงรอปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้าที่จะมีการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ โดยมองแนวต้านที่ 1,690 จุด และแนวรับที่ 1,675 จุด