หุ้นไทยปิด -1.10 จุด โบรกฯ ชี้ตลาดเกิดแรงขาย DELTA และ SCGP ที่มีการประกาศผลกำไรออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด อีกทั้งผลของตัวเลขส่งออกที่หดตัวลงอย่างรุนแรง ซึ่งทำให้เกิดการขาดดุลการค้าต่อเนื่อง กอปรกับเงินบาทกลับมาอ่อนค่า จึงฉุดดัชนีปิดตลาดลงสู่แนวลบ มองแนวโน้มการลงทุนวันพรุ่งนี้ ประเมินแนวรับที่ 1,672 จุด แนวต้านที่ 1,695 จุด แนะจับตา กนง.ปรับตัวเลข GDP และตัวเลขนักท่องเที่ยว
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 24 ม.ค.2566 ปรับตัวลดลง -1.10 จุด หรือ -0.07% โดยปิดตลาดที่ 1,682.94 จุด มูลค่าการซื้อขาย 56,561.00 ล้านบาท โดยภาพรวมการซื้อขายหุ้นในวันนี้เคลื่อนไหวแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ ก่อนที่จะปรับตัวลดลงในช่วงการซื้อขายภาคบ่ายและปิดตลาดในแดนลบ โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,693.97 จุด ขณะเดียวกัน ปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,682.58 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 527 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 573 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 866 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +1,658.62 ล้านบาท และบัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า +27.16 ล้านบาท ในทางกลับกัน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิกว่า -903.28 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -782.50 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.DELTA มูลค่าการซื้อขาย 4,262.42 ล้านบาท ปิดที่ 884.00 บาท ลดลง 6.00 บาท
2.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,747.66 ล้านบาท ปิดที่ 143.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
3.SCGP มูลค่าการซื้อขาย 1,687.96 ล้านบาท ปิดที่ 53.50 บาท ลดลง 1.75 บาท
4.AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,651.28 ล้านบาท ปิดที่ 75.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
5.HANA มูลค่าการซื้อขาย 1,636.32 ล้านบาท ปิดที่ 59.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.FORTH ปิดที่ 39.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.25 บาท หรือ 12.23%
2.GPSC ปิดที่ 74.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 1.72%
3.CENTEL ปิดที่ 51.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 1.97%
4.TIPHปิดที่ 52.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 1.96%
5.CPN ปิดที่ 69.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 1.45%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.DELTA ปิดที่ 884.00 บาท ลดลง 6.00 บาท หรือ0.67%
2.PTTEP ปิดที่ 172.00 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 1.15%
3.SCGP ปิดที่ 53.50 บาท ลดลง 1.75 บาท หรือ 3.17%
4.ADVANC ปิดที่ 200.00 บาท ลดลง 1.00บาท หรือ 0.50%
5.KCE ปิดที่ 49.25 บาท ลดลง 0.50บาท หรือ 1.01%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,262.22 จุด ลดลง -2.40 จุด หรือ -0.11% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 1,005.12 จุด ลดลง -0.96 จุด หรือ -0.10% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 604.04 จุด เพิ่มขึ้น 2.99 จุด หรือ 0.50%
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าบวกขึ้นมาตามแรงซื้อหุ้น DELTA ที่มีผลต่อดัชนี 2-3 จุด รับโมเมนตัมกลุ่ม Tech ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดีดตัวขึ้น หนุนกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ และหุ้นในตลาด mai เช่น FSMART,DITTO ส่งให้ SET ขึ้นทำจุดสูงสุด 1,693.97 ใกล้จุดสูงสุดเดิม แต่ช่วงบ่ายตลาดย่อตัวจากแรงขาย DELTA และ SCGP ที่ผลประกอบการออกมาต่ำกว่าคาด ทำให้ Sentiment ตลาดดูไม่ดี และสัปดาห์นี้คาดผลประกอบการ บจ.ส่วนใหญ่จะออกมาไม่ดีนัก เช่น SCC PTTEP แนะกลยุทธ์ Selective Buy และถ้าขึ้นก็ขาย
ขณะเดียวกัน อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าลง หลังจากตัวเลขส่งออกเดือน ธ.ค.หดตัวแรง และขาดดุลการค้า ซึ่งแนวโน้มยังขาดดุลการค้าต่อเนื่องยิ่งจะทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงอีก ทำให้นักลงทุนต้องระวังแรงเทขายของทุนต่างชาติมากขึ้น
นอกจากนี้ นักลงทุนอาจต้องติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) พรุ่งนี้ ซึ่งตลาดคาดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% แต่สิ่งที่ต้องจับตาคือการปรับประมาณการ GDP ปี 66 และตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ก่อนหน้าคาดการณ์ไว้ที่ 22 ล้านคน โดยประเมินกรอบดัชนีวันพรุ่งนี้ซึ่งคาดว่าน่าจะขึ้นกับผลการประชุม กนง. โดยให้แนวรับที่ 1,672 จุด และแนวต้านที่ 1,695 จุด