ซีอีโอ "พฤกษา โฮลดิ้ง" ปรับโมเดลธุรกิจจากขายที่อยู่ สู่การอยู่อาศัย ตอกย้ำรากฐานธุรกิจพฤกษา "อยู่ดี มีสุข สุขภาพดี" พร้อมเดินหน้าแผนลงทุนธุรกิจสร้างรายได้ เสริมธุรกิจอสังหาฯ Core Business หลักของพฤกษา ประกาศปี 66 ปั้นพอร์ตบ้านเดี่ยวไฮเอนด์ 20-40 ล้านบาท รับกำลังซื้อลูกค้า กังวลความอ่อนไหวดอกเบี้ยกระทบตลาดบ้านราคาระดับล่าง
นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงทิศทางธุรกิจของพฤกษาฯ ว่า มองในภาพใหญ่ วันนี้เรามี Core Business ในการพัฒนาที่อยู่อาศัย แต่วันนี้เรากำลังเปลี่ยนโมเดล จากขาย 'ที่อยู่' มาเป็นการสร้าง 'การอยู่อาศัย' ซึ่งเป็นสิ่งที่กล่าวย้ำมาตลอดในเรื่องของการอยู่ดี มีสุข มีส่วนสำคัญมากกว่าการได้ที่อยู่อาศัย นี่คือโมเดลการพัฒนาที่อยู่อาศัยของพฤกษาจากนี้
ขณะเดียวกัน พฤกษาฯ ได้ขยายพอร์ตธุรกิจใหม่ๆ เช่น โรงพยาบาลวิมุต ที่ในอนาคตจะสร้างรายได้ให้องค์กรอย่างสม่ำเสมอ ธุรกิจผลิตพรีคาสท์ โดยบริษัท อินโน พรีคาสท์ จำกัด ที่ต้องสร้างรายได้ให้เราได้ ด้วยกลยุทธ์เข้าถือหุ้นในบริษัท เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GEL และเมื่อปลายปี 2565 ที่ผ่านมา ได้ประกาศเรื่องความร่วมมือกับแคปปิตอลแลนด์ อินเวสเม้นท์ กรุ๊ป และแอลลี่ โลจิสติกส์ พร็อพเพอร์ตี้ เพื่อขยายการลงทุน จะมีส่วนสร้างรายได้ให้กลับมา
"ดังนั้น จะเห็นส่วนประกอบภาพของพฤกษาฯ ในอนาคต จะมีสัดส่วนของการลงทุนผ่านความมือกับพันธมิตรมากขึ้น ซึ่งทุกอย่างที่เราทำลงไปจะมาสนับสนุนการเติบโตของ Core Business เช่น โรงพยาบาลวิมุต ทำอย่างไรที่ครอบครัว 2-3 แสนครัวเรือนที่พฤกษาเคยสร้างไปและขายสามารถเข้าถึงการบริการ อยู่ดี มีสุขด้านสุขภาพ ผ่านระบบที่โรงพยาบาลวิมุต กำลังสร้างขึ้นมายู่ ที่เราทำไปยังส่งเสริมธุรกิจหลักของเราอยู่ เรากำลังสร้างการอยู่อาศัย ไม่ใช่ได้แค่ที่อยู่"
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2566 นั้น ซีอีโอพฤกษาพูดในมุมที่ว่า ปี 65 ตลาดอสังหาริมทรัพย์กลับมาเด่นในเรื่องของแนวราบ โดยเฉพาะโครงการบ้านเดี่ยว และเป็นบ้านเดี่ยวที่ราคาสูง ทางพฤกษาอยู่ระหว่างการเตรียมโครงการใหม่ในปีนี้ จะมีการเพิ่มเซกเมนต์บ้านไฮเอนด์ในระดับราคา 20-40 ล้านบาท ซึ่งเรามองตลาดอสังหาฯ ในปีนี้อาจจะดีและแข็งแรงในครึ่งแรกของปี 66 แต่มีความกังวลในครึ่งหลังของปี 66 เนื่องจากทั่วโลกมีปัญหาในเรื่องของอัตราเงินเฟ้อ แต่ประเทศไทยไม่ได้ถูกกระทบมากนัก เพราะเรากำลังฟื้นกลับมาจากการล็อกดาวน์ โดยเฉพาะการที่จีนเปิดประเทศจะทำให้นักท่องเที่ยวไหลทะลักเข้ามา ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาคธุรกิจโรงแรมและธุรกิจบริการต่างๆ มีการฟื้นตัวอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร การเดินทาง การขนส่ง ซึ่งดีในเรื่องการจ้างงาน ทำให้เกิดความเชื่อมั่นและอาจจะกลับมาตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย
"เรายังมองไม่ออกว่าครึ่งปีหลังจะทรงหรือดีขึ้น เพราะยังมีปัจจัยลบในการขึ้นอัตราดอกเบี้ย เรื่องนี้ยังมีความอ่อนไหว โดยเฉพาะโครงการแนวราบในระดับล่างของราคาที่อยู่อาศัย ความอ่อนไหวตรงนั้นยังมีกังวลอยู่" นายอุเทน กล่าว