น.ส.กาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เผยเงินบาทวันนี้ (13 ธ.ค.) แข็งค่าผ่านแนว 33.00 ไปแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 10 เดือนครั้งใหม่ที่ 32.95 บาทต่อดอลลาร์ ก่อนจะกลับมาปิดตลาดที่ระดับ 32.98 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 33.36 บาทต่อดอลลาร์ โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องตามกระแสสกุลเงินในฝั่งเอเชีย ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการแข็งค่าของเงินหยวน (จากความหวังในการทยอยเปิดประเทศของจีน) และเงินเยน (จากคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่นอาจปรับท่าทีในการดำเนินนโยบายการเงิน)
ขณะที่เงินดอลลาร์ยังคงเผชิญแรงเทขาย หลังสัญญาณชะลอตัวของเงินเฟ้อสหรัฐฯ หนุนให้ตลาดเชื่อมั่นมากขึ้นว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพียง 0.25% ในการประชุม FOMC วันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ.นี้ นอกจากนี้ ทิศทางที่แข็งค่าของเงินบาทยังสอดคล้องกับสัญญาณฟันด์โฟลว์ของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งมีสถานะเป็น Net inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 3,836 ล้านบาท และซื้อสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่องที่ 517.46 ล้านบาท
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์หน้า คาดไว้ที่ 32.70-33.70 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุม BOJ การประกาศอัตราดอกเบี้ย LPR ของจีน ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และการเคลื่อนไหวของสกุลเงินเอเชีย ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ดัชนีราคาผู้ผลิต ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสองเดือน ธ.ค. ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดนิวยอร์ก และผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของเฟดฟิลาเดลเฟียเดือน ม.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และ Beige Book ของเฟด นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามจีดีพีไตรมาส 4/65 และตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ธ.ค. ของจีน รวมถึงอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนและอังกฤษเดือน ธ.ค. ด้วยเช่นกัน