ตลาดหุ้นไม่มีอะไรแน่นอน สิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ โดยเฉพาะการซื้อขายช่วง 2 วันที่ผ่านมา ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่ทำใจหรือถอดใจแล้ว มองว่าหุ้นจะซบเซา บรรยากาศการลงทุนสัปดาห์ส่งท้ายปีเก่าคงหงอยเหงา และไม่มีโอกาสเห็นดัชนีหุ้นตีฝ่า 1,650 จุดได้
แต่ปรากฏว่า ตลาดหุ้นกลับร้อนแรงต่อเนื่อง และทะยานขึ้นมาจ่อทะลุ 1,650 จุด โดยวันจันทร์ที่ผ่านมา ได้แรงหนุนจากเงินกองทุน SSF ที่เข้ามาช้อนเก็บหุ้น และต่อเนื่องด้วยข่าวดีชิ้นใหญ่ จีนประกาศเปิดประเทศ แม้ยังมีปัญหาการแพร่ระบาดของโควิดอยู่ก็ตาม
ตลาดหุ้นวันอังคารขานรับทันที ดัชนีวิ่งฉิว 16.36 จุด ดีดตัวขึ้นมาปิดที่ 1,643.16 จุด ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่กลับมาหนาตาขึ้น เคาะซื้อขาย 53,260.44 ล้านบาท ฟื้นตัวจากวันจันทร์ที่วอลุ่มหดลงเหลือเพียง 29,439 ล้านบาท
การประกาศเปิดประเทศของจีน หลังดำเนินมาตรการล็อกดาวน์อย่างเข็มงวดมาประมาณ 3 ปี ทำให้เกิดมุมมองในเชิงบวกต่อธุรกิจการท่องเที่ยวข้องไทย เพราะจะได้รับอานิสงส์จากนักท่องเที่ยวจีนที่ทะลักเข้ามาไทย
ประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยปีหน้าถูกปรับเป้าหมาย จากเดิมที่คาดว่าจะมีจำนวน 18 ล้านคน แต่การเปิดประเทศของจีน จึงเพิ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าไปเป็นประมาณ 25 ล้านคน
ธุรกิจการท่องเที่ยวแม้ยังไม่กลับไปบูมสนั่นเหมือนก่อนโควิดระบาด แต่จะฟื้นตัวขึ้นมา และจะเป็นอีกฟันเฟืองที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ให้ฟุบสนิทเสียทีเดียว
สำหรับหรับธุรกิจการท่องเที่ยงจะกลับมาคึกคักอย่างชัดเจน ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยงคงลืมตาอ้าปากกันเสียที เช่นเดียวกับหุ้นกลุ่มเปิดเมืองหรือหุ้นที่เกี่ยวเนื่องจากการท่องเที่ยว ซึ่งเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มเปิดเมืองวิ่งกันยกแผง
นำโดยบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT หุ้นบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT หรือหุ้นบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN และหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล
การท่องเที่ยวจะเป็นธุรกิจที่กระเตื้องขึ้นอย่างโดดเด่นในปี 2566 และคงช่วยสร้างสีสันในตลาดหุ้น แต่ภาพรวมการลงทุนปีหน้ายังไม่ใสปิ๊งเสียทีเดียว เพราะยังต้องเผชิญกับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย จนดัชนีอาจไปไม่ได้ไกลจากจุดปิดสิ้นปีนี้มากนัก
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มตลาดหุ้นปีหน้ายังมีเวลาที่จะประเมินและปรับกลยุทธ์รับมือในต้นปีหน้า แต่สถานการณ์เฉพาะหน้าคือ จะตัดสินใจอย่างไรกับแนวโน้มระยะสั้น ซึ่งตลาดกลับสู่ขาขึ้นรอบเล็กส่งท้ายปีเก่า
เป้าหมายดัชนี 1,650 คงได้เห็นแน่ๆ แล้ว เพราะมีแรงส่งจากข่าวดีชิ้นใหญ่ การเปิดประเทศของจีน ขณะที่นักลงทุนต่างชาติ ซึ่งคิดว่าหยุดซื้อขายไปแล้ว แต่กลับมาไล่ซื้อหุ้นฝุ่นตลบ เปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยขายทำกำไร ได้เงินเที่ยวปีใหม่
การฟื้นตัวของตลาดหุ้นในช่วงสัปดาห์สุดท้าย นอกจากเป็นปรากฏการณ์ซานตาแรลลี่แล้ว อาจมีรายการวินโดว์เดรสซิ่งผสมโรงเข้ามาด้วย สมทบด้วยข่าวดีจีนประกาศเปิดประเทศเร็วเกินความคาดหมาย ดัชนีจึงมีแรงส่งที่จะดีดตัวขึ้นอีก
เพียงแต่ไม่รู้ว่า สิ้นปีนี้ดัชนีจะวิ่งไปไกลขนาดไหน ปิดที่ระดับใด แต่นักลงทุนรายย่อยไม่ควรคิดอะไรที่ยุ่งยาก
แนวโน้มตลาดปีหน้ายังไม่แน่นอน แต่ภาวะตลาดช่วงสัปดาห์ส่งท้ายปีเก่ากำลังคึกคัก หุ้นพุ่งทะยานขึ้น และน่าจะเป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนรายย่อยในการชิงขายทำกำไร เช่นเดียวกับเมื่อวันอังคารที่รายย่อยพร้อมใจขายหุ้นกว่า 5 พันบ้านบาท
3 วันทำการสุดท้ายก่อนปิดฉากปี 2565 หุ้นมีแนวโน้มสดใส แต่เป็นช่วงเวลาดีๆ ของนักลงทุนรายย่อยในการขาย
เก็บเกี่ยวกำไรเอาฤกษ์ชัย ปีหน้าค่อยว่ากันใหม่