xs
xsm
sm
md
lg

STARK ทำไมไม่จ่ายเงินปันผล / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แม้ประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน ซึ่งถือเป็นข่าวในเชิงบวก แต่ราคาหุ้นบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบรับแต่อย่างใด และยังนิ่งสนิทอยู่

STARK ประกาศโครงการซื้อหุ้นคืน หลังปิดการซื้อขายวันที่ 21 ธันวาคม แต่การซื้อขายหุ้นวันที่ 22 ธันวาคม ไม่ได้คึกคักแต่อย่างใด โดยราคาปิดที่ 2.30 บาท ลดลง 4 สตางค์ และวันที่ 23 ธันวาคมปิดที่ 2.30 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

ราคาหุ้น STARK ทรุดหนักตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม จากราคา 3.32 บาท ร่วงลงตลอด จนลงมาปิดที่ 2.30 บาท โดยไม่มีข่าวร้ายที่ชัดเจน เพียงแต่ตั้งข้อสงสัยว่าน่าจะมีปัจจัยลบ และมีกลุ่มคนที่รู้ข้อมูลวงในจึงชิงเทขายหุ้นทิ้งก่อน

จนหลังปิดการซื้อขายหุ้นวันที่ 13 ธันวาคม STARK จึงประกาศล้มเลิกสัญญาซื้อขายหุ้นบริษัท LEONI AG ผู้ผลิตสายไฟฟ้าของเยอรมนี วงเงิน 20,588.90 ล้านบาท

การล้มสัญญาซื้อขาย LEONI AG อาจส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น STARK โดยตรง แต่นักลงทุนทั่วไปรู้ข่าวร้ายชิ้นนี้ภายหลัง ปัญหาคือ มีใครเป็น “นกรู้” และเทขายหุ้นออกมาก่อน

มีอินไซเดอร์ใช้ข้อมูลภายในเอาเปรียบนักลงทุนทั่วไปหรือไม่ ซึ่งตลาดหลักทรัพย์จะต้องตรวจสอบหาตัว “นกรู้”

การล้มเลิกสัญญาซื้อหุ้น LEONI AG ไม่เพียงกระทบต่อราคาหุ้นเท่านั้น แต่ยังกระทบต่อวัตถุประสงค์การเพิ่มทุนครั้งล่าสุดของ STARK ด้วย

เพราะการเพิ่มทุนจำนวน 1,500 ล้านหุ้น เสนอขายบุคคลในวงจำกัด โดยขายให้นักลงทุนสถาบัน 12 ราย ในราคาหุ้นละ 3.72 บาท ระดมเงินทั้งสิ้น 5,580 ล้านบาทนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินซื้อหุ้น LEONI AG

แต่เมื่อสัญญาล้ม จึงเกิดปัญหาว่าจะนำเงินเพิ่มทุนก้อนนี้ไปทำอะไร ซึ่งก่อนหน้าดูเหมือนว่าจะถูกนำไปใช้ในการซื้อหุ้นคืน แต่ผู้บริหาร STARK ได้อออกมาปฏิเสธภายหลัง จะใช้เงินจากสภาพคล่องและกำไรสะสมที่มีอยู่จำนวน 7,849.71 ล้านบาทนำมาซื้อหุ้นคืน

ส่วนเงินเพิ่มทุนครั้งล่าสุดจำนวน 5,580 ล้านบาท คณะกรรมการอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะนำไปลงทุนอะไรเพื่อสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้ผู้ถือหุ้น

นักลงทุนสถาบัน 12 รายที่ร่วมกันใส่เงินลงไปใน STARK จำนวน 5,580 ล้านบาท คงคิดเหมือนกันว่าถ้าย้อนเวลาได้ ถ้ารู้ว่า สัญญาซื้อขายหุ้น LEONI AG ล้ม คงไม่ยอมซื้อหุ้น STARK ในราคา 3.72 บาท

และเป็นไปไม่ได้ที่จะขายคืนหุ้น STARK ที่ซื้อมา เพราะอ้อยเข้าปากช้างไปแล้ว หลวมตัวใส่เงินไปแล้ว

บรรดากองทุนทั้งในและต่างประเทศคงไม่คิดว่าราคาหุ้น STARK จะดิ่งเหวลงมาเหลือเพียง 2 บาทเศษ

นักลงทุนทุกกลุ่มที่เข้าไปซื้อหุ้น STARK อาจมีข้อสงสัยเหมือนๆ กันว่า ทำไมราคาหุ้นตัวนี้จึงปรับฐานลงตลอด สวนผลประกอบการที่เติบโตสูงต่อเนื่อง จากราคา 5 บาทเศษ ค่อยๆ ย่อลงมาจนเหลือ 4 บาทเศษ และทรุดลงมาเล่นกันระดับ 3 บาทเศษ ก่อนถูกทุบลงมาเหลือเพียง 2 บาทเศษ

แม้ค่าพี/อี เรโชเหลือเพียง 10 เท่า แต่ไม่สามารถสร้างแรงจูงใจนักลงทุนให้เข้ามาไล่เก็บหุ้น ทั้งที่ผู้บริหาร STARK ออกมายืนยันเสียงแข็ง ผลประกอบการบริษัทยังเติบโต แต่ไม่อาจกระตุ้นราคาหุ้นได้

STARK เป็นบริษัทที่มีแต่สูบเงินเข้า ไม่ยอมคายออก โดยมีกำไรสูง แต่ไม่ยอมจ่ายเงินปันผล ซึ่งนักลงทุนบางส่วนไม่ชอบลงทุนในบริษัทจดทะเบียนที่ไม่ยอมจ่ายเงินปันผล ไม่ชอบบริษัทจดทะเบียนที่มีแต่สูบเงินเข้า

บริษัทมีผลกำไรก็เก็บไว้ ตอนนี้มีเงินเพิ่มทุนใหม่จำนวน 5,580 ล้านบาท ทำท่าจะเก็บไว้อีก โดยพยายามที่จะหาโครงการลงทุนเพื่อใช้เงิน

ในอดีตบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เป็นเพียงบริษัทจดทะเบียนแห่งเดียวที่ประกาศนโยบายชัดเจน ไม่จ่ายเงินปันผล แต่จ่ายปันผลเป็นหุ้น โดยจะนำผลกำไรไปขยายการลงทุนต่อ และให้นักลงทุนหาผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาหุ้น

แต่ปัจจุบัน บริษัทจดทะเบียนที่ประกาศนโยบายไม่จ่ายเงินปันผลไม่มีแล้ว เพราะนักลงทุนไม่นิยมหุ้นที่ไม่มีเงินปันผล หรืออาจกังวลบริษัทจดทะเบียนที่สูบเงินเข้าบริษัทอย่างเดียว โดยไม่คืนตอบแทนให้ผู้ถือหุ้น

STARK ไม่เคยจ่ายเงินปันผลมายาวนาน ทั้งที่มีกำไรเติบโตต่อเนื่อง และมีกำไรสะสมเกือบ 8 พันล้าน การที่มีเงินสภาพคล่องล้น มีเงินเพิ่มทุนกองอีกเกือบ 6 พันล้านบาท จึงถึงเวลาที่จะถ่ายเทสภาพคล่อง จ่ายเงินปันผลคืนกลับผู้ถือหุ้น

ไม่มีเหตุผลใดที่ผู้บริหาร STARK จะนั่งทับเงินไว้ และคงนโยบายสูบเงินเข้าลูกเดียว ไม่ยอมคายออกเพื่อแบ่งปันผู้ถือหุ้น

หุ้น STARK ที่ซึมลงส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะนักลงทุนกังวลพฤติกรรมผู้บริหารบริษัทฯ ซึ่งมีเจตนากอดเงินสดๆ ไว้กำมือตัวเอง โดยไม่ยอมแบ่งปันให้ผู้ถือหุ้น








กำลังโหลดความคิดเห็น