"วิทิต ลาวัณย์เสถียร-ชูศักดิ์ วิวัฒน์วงศ์เกษม" สองบอสใหญ่ "สตาร์ มันนี่" เดินหน้าเก็บหุ้นเข้าพอร์ต ราคาเฉลี่ย 1.93-1.98 บาท มูลค่ารวมประมาณ 4 ล้านบาท ย้ำความเชื่อมั่นหุ้น SM อนาคตไกล มั่นใจในธุรกิจที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งหลังราคาหุ้นปรับตัวลงต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน
นายวิทิต ลาวัณย์เสถียร ผู้ก่อตั้ง และประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท สตาร์ มันนี่ จำกัด (มหาชน) หรือ SM และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ลุยเก็บหุ้นเข้าพอร์ตในช่วงวันที่ 22 ธันวาคม 2565 จำนวน 7 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ย 1.93 บาท มูลค่ารวมประมาณ 13.5 ล้านบาท พร้อมด้วย นายชูศักดิ์ วิวัฒน์วงศ์เกษม กรรมการผู้จัดการ เก็บหุ้น จำนวน 2 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ย 1.98 บาท มูลค่ารวมประมาณ 4 ล้านบาท ย้ำความเชื่อมั่นหุ้น SM อนาคตไกล มั่นใจในธุรกิจที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน หลังจากที่ราคาหุ้นมีการปรับตัวลงต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานจากสภาวะตลาดหุ้น และปัจจัยภายนอก
ด้าน นายชูศักดิ์ วิวัฒน์วงศ์เกษม กล่าวอีกว่า ผู้ถือหุ้นและผู้บริหารยังกอดหุ้นแน่น ไม่ได้ขายออกมา เพราะเชื่อมั่นในการเติบโต และมองเห็นอนาคตของบริษัท โดย SM วางเป้าหมายการดำเนินธุรกิจในอีก 4 ปีข้างหน้า ระหว่างปี 2565-2568 ยืนหนึ่งผู้ให้บริการด้านสินเชื่อและผลิตภัณฑ์ทางการเงินชั้นนำในภาคตะวันออก รับปัจจัยหนุนจาก EEC ที่กำลังอยู่ในช่วงเติบโต ทั้งโครงสร้างพื้นฐานที่กำลังพัฒนา และธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพที่เริ่มเข้าไปตั้งฐานการผลิต คาดว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น สนับสนุนการจับจ่ายใช้สอย และความต้องการผลิตภัณฑ์ทางการเงินในภูมิภาคดังกล่าวให้คึกคัก
ขณะที่ปัจจุบัน SM มี 94 สาขา ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเขต EEC และแผนการขยายสาขาให้ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการตามจังหวัดที่สำคัญของประเทศ เงินระดมทุนจึงเข้ามาสนับสนุนแผนการเติบโตตามเป้าหมายที่บริษัทวางไว้ รวมทั้งโอกาสจากการต่อยอดธุรกิจ โดยใช้จุดแข็งในด้านประสบการณ์การทำงานยาวนานมากกว่า 30 ปี มีเจ้าของแบรนด์และดีลเลอร์สินค้ารายใหญ่ที่จะจับมือเติบโตไปด้วยกัน และการขยายบริการทางการเงินอย่างเต็มรูปแบบและสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้มากขึ้น คาดเห็นความคืบหน้าในปี 2566 สอดรับเศรษฐกิจโดยรวมที่เริ่มฟื้นตัว
ในส่วนข้อมูลทางการเงิน ณ สิ้นไตรมาส 3/2565 SM มีพอร์ตสินเชื่อรวมประมาณ 2.2 พันล้านบาท แบ่งเป็นพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าคิดเป็น 11.92% และพอร์ตสินเชื่อเงินให้กู้ยืมรวมคิดเป็น 88.08% ในขณะที่ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกปี 2565 SM มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,066.84 ล้านบาท เติบโต 12.09% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 80.79 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้จากการขายสินค้าสัดส่วน 61.87% รายได้ดอกเบี้ยจากสัญญาเช่าซื้อ 5.86% รายได้ดอกเบี้ยจากการให้กู้ยืม 28.28% รวมถึงรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการและรายได้อื่นอยู่ที่ 3.99% นอกจากนี้ SM มีนโยบายการจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ เป็นอีกหุ้นเติบโต ควบคู่การตอบแทนผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ
ด้านบทวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ให้ราคาเป้าหมาย 2.70 บาท โดย SM เป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่และให้บริการสินเชื่อครบวงจรแห่งโซนภาคตะวันออก ประกอบธุรกิจหลักขายสินค้าทั้งแบบเงินสดและเงินผ่อน บริการปล่อยสินเชื่อ ได้แก่ (1) สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน (2) สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มิใช่สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน (3) สินเชื่อที่มีหลักประกัน เช่น ทะเบียนรถ ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงให้บริการเป็นนายหน้าประกันวินาศภัย โดยเน้นการเติบโตในธุรกิจที่ถนัดในสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินเชื่อจำนำทะเบียนที่บริษัทมีความชำนาญ ซึ่งคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องหลังได้รับเงินระดมทุนจาก IPO และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมภายหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่คลี่คลาย