“ทาคูนิ” ปรับโครงสร้างชุดใหญ่ดึง "ชาติชาย พยุหนาวีชัย" แม่ทัพนั่งประธานบอร์ด พร้อมพลิกโฉมธุรกิจใหม่ลุยมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าทั้งในไทยและต่างประเทศ รุกถือหุ้น 40% ใน “อี้หาวมอเตอร์” บริษัทในไต้หวัน พัฒนามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่เทคโนโลยีใหม่ที่ประหยัดต้นทุนถึง 10 เท่าของน้ำมัน เริ่มขายในไต้หวันปีหน้า ตั้งเป้า 3 ปี ยอดขาย 5 หมื่นคัน อีกทั้งยังร่วมทุนกับบริษัท SERSOL ในไทยและมาเลเซีย ตั้งบริษัท SERSOL TAKUNI เพื่อพัฒนาและจัดจำหน่ายมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า สถานีชาร์จไฟฟ้าในไทยและมาเลเซีย
น.ส.นิตา ตรีวีรานุวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทาคูนิ กรุ๊ป จำกัด หรือ TAKUNI เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีมติอนุมัติการปรับโครงสร้างคณะกรรมการบริษัทใหม่ โดยแต่งตั้งนายชาติชาย พยุหนาวีชัย เป็นประธานกรรมการบริษัทและเป็นประธานกรรมการบริหารเพื่อรองรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ที่มีการปรับเปลี่ยนไปสู่ธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ
สาเหตุที่กลุ่มทาคูนิให้ความสนใจในธุรกิจมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เนื่องจากทุกประเทศหันมาให้ความสนใจในพลังงานสะอาดมากขึ้นซึ่งเป็นไปตามเทรนด์ของโลก ทำให้ทุกประเทศมีเป้าหมายที่จะปรับเปลี่ยนการใช้รถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้น้ำมันมาเป็นรถที่ใช้ไฟฟ้า เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาเรื่องโลกร้อน และที่สำคัญรถไฟฟ้ามีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าใช้น้ำมัน ทำให้รัฐบาลของแต่ละประเทศมีการสนับสนุนค่าใช้จ่าย เช่น ในประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และไต้หวัน
“ปัจจุบันในประเทศไทยมีจำนวนรถมอเตอร์ไซค์รวมกันราว 25 ล้านคัน หากในอีก 10 ปีข้างหน้ามีการปรับเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้าเฉลี่ยปีละ 2.5 ล้านคัน เพียงแค่เรามีส่วนแบ่งตลาดตรงนี้ 5-10% เท่ากับเรามียอดขายถึง 1.5-2.5 แสนคัน เช่นเดียวกับในประเทศมาเลเซียที่ปัจจุบันรถมอเตอร์ไซค์มีจำนวนมาก และไต้หวันมีถึง 4 แสนคันที่ต้องปรับเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้า รวมถึงอินโดนีเซียที่มีจำนวนรถมอเตอร์ไซค์มหาศาลด้วย” น.ส.นิตา กล่าว
โดยล่าสุด บริษัทได้มีการร่วมลงทุนและถือหุ้น 40% ในบริษัทอี้หาวมอเตอร์ (Yihao motor) เป็นบริษัทชั้นนำของไต้หวัน และได้พาร์ตเนอร์กับบริษัท Ritek ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไต้หวัน เพื่อพัฒนาและผลิตมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่เทคโนโลยีใหม่ ที่สามารถยกออกจากรถมอเตอร์ไซค์เพื่อนำไปชาร์จกับไฟฟ้าภายในบ้านได้
สำหรับการผลิตมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่จะดำเนินการผลิตที่โรงงานในไต้หวัน โดยบริษัทวางแผนผลิตและออกจำหน่ายในไต้หวันภายในไตรมาส 1 ของปีหน้า โดยล่าสุด รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของบริษัทได้ผ่านการทดสอบ และได้รับอนุญาตจากรัฐบาลไต้หวันให้สามารถขอป้ายทะเบียนรถเพื่อให้วิ่งบนถนนได้ ซึ่งบริษัทคาดว่าภายในเร็วๆ นี้ จะสามารถขายรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าได้ประมาณ 50,000 คัน
การผลิตมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลไต้หวัน ที่จะเปลี่ยนมอเตอร์ไซค์ที่ใช้น้ำมันให้เป็นมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2035 พร้อมทั้งยังให้การสนับสนุนในการซื้อรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าคันละ 20,000-22,000 ดอลลาร์ไต้หวัน จึงทำให้ไต้หวันมีการพัฒนารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพ มีมาตรฐานของตัวเองเพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองงบประมาณ
“ในไต้หวันจะมีบริษัทผลิตรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าถึง 8 บริษัท แต่จุดเด่นของทาคูนิคือแบตเตอรี่ ที่สามารถถอดออกไปชาร์จไฟในบ้านได้ เป็นการช่วยแก้ปัญหาในการหาที่ชาร์จไฟ เนื่องจากคนขับมอเตอร์ไซค์ที่ไต้หวันส่วนใหญ่จะอาศัยในอพาร์ตเมนต์ คู่แข่งรายอื่นๆ แก้ปัญหาโดยการตั้งสถานีสลับแบตเตอรี่ ซึ่งต้องเสียค่าไฟฟ้าให้บริษัทคู่แข่งเกือบเทียบเท่าค่าน้ำมัน แต่ถ้าลูกค้าดึงแบตเตอรี่ไปชาร์ตเองที่บ้าน จะประหยัดได้ถึง 10 เท่าของค่าน้ำมัน” น.ส.นิตา กล่าว
น.ส.นิตา กล่าวอีกว่า สำหรับในประเทศไทย บริษัททาคูนิ จะเป็นผู้นำเข้าชิ้นส่วนสำคัญจากไต้หวันเพื่อมาประกอบรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า โดยจะมีการร่วมมือกับพันธมิตรที่เป็นโรงงานประกอบรถมอเตอร์ไซค์ชั้นนำของไทย
นอกจากนี้ บริษัท ทาคุนิ ยังได้เซ็นสัญญาร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัท Sersol ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำในตลาดหลักหลักทรัพย์ประเทศมาเลเซีย เมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อร่วมทุนในการพัฒนาและจัดจำหน่ายมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า และสถานีชาร์จไฟฟ้าในประเทศไทยและมาเลเซีย โดยจะจัดตั้งบริษัท Sersol Takuni (M) ในประเทศมาเลเซีย บริษัท ทาคูนิ ถือหุ้น 49% และบริษัท Sersol ถือหุ้น 51% และตั้งบริษัท Sersol Takuni (Thailand) ในประเทศไทย บริษัท ทาคูนิ ถือหุ้น 51% บริษัท Sersol ถือหุ้น 49% ซึ่งคาดว่ากระบวนการจัดตั้งบริษัทจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคมนี้ และสามารถเริ่มดำเนินงานได้ในต้นปี 2566
น.ส.นิตา กล่าวว่า ปีหน้ากลุ่มทาคูนิมีความพร้อมอย่างมากในการร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อผลิตและจัดจำหน่ายมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าทั้งในประเทศไทย ไต้หวัน มาเลเซีย และอินโดนีเซีย รองรับการปรับเปลี่ยนนโยบายของประเทศต่างๆ ไปสู่ธุรกิจพลังงานสะอาด เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาโลกร้อน