บมจ.ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค หรือ PIN โชว์ความสำเร็จในการดำเนินโครงการนิคมอุตสาหกรรม ยกระดับสู่นิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ (Smart City) ที่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติปักธงฐานการผลิตในไทย หนุนยอดขายที่ดินปีนี้ตามแผน พร้อมลงทุนด้านพลังงานทดแทน สร้างรากฐานความแข็งแกร่งให้แก่กลุ่มธุรกิจ Recurring income ดันแผนงานเพิ่มสัดส่วนรายได้เพิ่มเป็น 50% ภายในปี 2025
นายสุรัช พัฒนวงศ์ยืนยง ประธานเจ้าหน้าที่สายปฏิบัติการ บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ PIN เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในปีนี้มีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยบวกด้านการเปิดประเทศหลังโควิด-19 คลี่คลาย ส่งผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น โดยมีเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสนใจเข้ามาลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นทำเลยุทธศาสตร์ด้านการลงทุนภาครัฐที่มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภค ที่ช่วยสนับสนุนความได้เปรียบด้านภูมิรัฐศาสตร์ของประเทศที่ตั้งอยู่ศูนย์กลางภูมิภาคอาเซียน
ทั้งนี้ นโยบายการดำเนินธุรกิจ PIN มุ่งพัฒนาและบริหารนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในระดับ Eco World Class เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมให้แก่แรงงานที่อยู่ภายในโครงการและชุมชนโดยรอบให้อยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องทิศทางการค้าโลกที่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม อีกทั้งมีการลงทุนระบบเคเบิลใยแก้วนำแสง เพื่อยกระดับนิคมอุตสาหกรรมทุกแห่งก้าวสู่การเป็น Smart City หรือเป็นนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ มาเป็นจุดแข็งดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทองและพื้นที่โลจิสติกส์ปาร์ก ควบคู่กับการตอกย้ำจุดเด่นทำเลที่ตั้งโครงการทุกแห่งตั้งอยู่ในทำเล EEC และการให้บริการ One Stop Service ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนต่างชาติ ส่งผลให้ยอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมปีนี้คาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย
ขณะเดียวกัน กลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจของ PIN ที่มุ่งสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจ Recurring Income ในกลุ่มธุรกิจการให้บริการเช่าโรงงานและคลังสินค้าในนิคมอุตสาหกรรม ค่าบริการพื้นที่ส่วนกลางและระบบสาธารณูปโภคภายในโครงการ โดยมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้เพิ่มเป็น 50% ของรายได้รวมภายในปี 2025 บริษัทฯ จึงได้ลงทุนเชิงกลยุทธ์วางรากฐานสร้างรายได้ให้แก่กลุ่มธุรกิจดังกล่าวให้มีเติบโตตามแผน โดยอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) ของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 1-5 พื้นที่รวม 1.3 ล้านตารางเมตร และโครงการติดตั้ง Solar Farm ลอยน้ำ ในบ่อน้ำของนิคมฯ เนื้อที่ประมาณ 300 ไร่ กำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 80 เมกะวัตต์ คาดว่าจะรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 2/2023 และโครงการห้องตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำให้ทุกกิจกรรมการผลิตของลูกค้าที่ตั้งฐานการผลิตในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 1/2023
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการ Logistics Park แห่งใหม่ ที่จัดสรรพื้นที่สร้างอาคารโรงงานและคลังสินค้าให้เช่า เป็นเขตปลอดอากร (Free Zone) และเขตอุตสาหกรรมทั่วไป (General Zone) กว่า 200,000 ตารางเมตร ด้วยจุดเด่นด้านที่ตั้งโครงการที่ติดกับถนนมอเตอร์เวย์สาย 7 และอยู่ห่างจากท่าเรือแหลมฉบังเพียง 10 กิโลเมตร จึงเชื่อมั่นว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติและโครงการดังกล่าวจะเริ่มรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 3/2023 เป็นต้นไป ช่วยส่งเสริมผลการดำเนินงานของ PIN ให้เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน