ผู้พิพากษาศาลบาฮามาสปฏิเสธคำร้องขอประกันตัว แซม แบงก์แมน-ฟรีด (Sam Bankman-Fried) ผู้ก่อตั้งและอดีตซีอีโอกระดานเทรดคริปโตฯ FTX เมื่อวานนี้ (13 พ.ย.) หลังจากที่อัยการสหรัฐฯ ได้แจ้งข้อหานักธุรกิจหนุ่มวัย 30 ปี ฐานยักยอกเงินทุนหลายพันล้านดอลลาร์ และละเมิดกฎหมายการเงินสำหรับหาเสียง (campaign finance laws)
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานถึงการบุกเข้าจับกุมอดีตซีอีโอ FTX ซึ่งสวมสูทสีน้ำเงินเข้มไม่ผูกเนกไทถึงกับคอตก และเข้าสวมกอดบิดามารดา หลังจากผู้พิพากษามีคำวินิจฉัยไม่ให้ประกันตัว โดยอ้างว่า “มีความเสี่ยงสูงที่จะหลบหนี” เนื่องจากมูลค่าของความเสียหายที่เกิดขึ้นในคดีนั้นมีมูลค่าสูง ซึ่งจะทำให้ แบงก์แมน-ฟรีด ต้องนอนในเรือนจำบาฮามาสไปจนถึงอย่างน้อยวันที่ 8 ก.พ. จนกว่าจะมีคำสั่งเพิ่มเติมจากศาล
การจับกุม แบงก์แมน-ฟรีด ถือเป็นจุดตกต่ำล่าสุดของนักธุรกิจหนุ่มมาดเซอร์วัย 30 ปี ซึ่งขี่กระแสความบูมของบิตคอยน์และทรัพย์สินดิจิทัลสร้างเนื้อสร้างตัวจนกลายเป็นมหาเศรษฐีที่มีสินทรัพย์กว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ จนกระทั่ง FTX มาเผชิญวิกฤตสภาพคล่องจนถึงขั้นล้มละลายในปีนี้
อัยการสหรัฐฯ เผยแพร่ข้อหาที่จะเอาผิดกับ แบงก์แมน-ฟรีด เมื่อเช้าวันอังคาร (13) โดยระบุว่า เขาพัวพันแผนฉ้อโกงลูกค้า FTX ด้วยการยักยอกเงินทุนเอาไปใช้จ่ายและชำระหนี้ อีกทั้งยังนำเงินลูกค้าไปลงทุนในนามของบริษัทคริปโตเฮดจ์ฟันด์ Alameda Research ที่เขาเป็นเจ้าของ
อัยการระบุด้วยว่า แบงก์แมน-ฟรีด ยังกระทำการฉ้อโกงเจ้าหนี้ของ Alameda ด้วยการให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของบริษัทเฮดจ์ฟันด์แห่งนี้ และพยายามปกปิดแหล่งที่มาของเงินด้วยการฉ้อโกงผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ (wire fraud)
แบงก์แมน-ฟรีด ยังถูกครหาว่าขโมยเงินทุนลูกค้า “หลายสิบล้านดอลลาร์” เอาไปสนับสนุนแคมเปญหาเสียงเลือกตั้งด้วย
ดาเมียน วิลเลียมส์ อัยการประจำรัฐนิวยอร์ก ชี้ว่า การล่มสลายของ FTX เป็นผลมาจาก “แผนฉ้อโกงทางการเงินครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์อเมริกา” และกระบวนการสอบสวนยังคงดำเนินอยู่และกำลังคืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว โดยสิ่งที่อัยการได้แถลงไปเมื่อวานนี้ (13) จะ“ไม่ใช่คำประกาศครั้งสุดท้าย” อย่างแน่นอน
FTX ซึ่งก่อตั้งที่บาฮามาสเมื่อปี 2019 ได้ยื่นล้มละลายต่อศาลสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา หลังจัดการกองทุนผิดพลาด ตามมาด้วยการที่นักลงทุนเข้าไปแห่ถอนเงินออกกว่า 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในเวลาแค่ 72 ชั่วโมง
การล่มสลายของ FTX เกิดขึ้นหลังจากที่ แบงก์แมน-ฟรีด ได้เคลื่อนย้ายเงินทุนของลูกค้าราว 10,000 ล้านดอลลาร์ไปยังบริษัท Alameda Research ของเขา และปรากฏว่ามีเงินทุนลูกค้าหายไปอย่างน้อย 1,000 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจากสำนักข่าวรอยเตอร์
แบงก์แมน-ฟรีด ยืนยันกับรอยเตอร์ว่าบริษัทของเขาไม่ได้ “โอนเงินอย่างลับๆ” ตามที่เป็นข่าว ทว่าเกิดจากความสับสนภายในองค์กร และเมื่อถูกถามว่าเงินทุนที่หายไปอยู่ไหน ก็ได้คำตอบกลับมาแค่ว่า “???”
ในการสัมภาษณ์และปรากฏตัวต่อสาธารณชนหลายครั้งเมื่อช่วงปลายเดือน พ.ย. ถึงต้นเดือน ธ.ค. แบงก์แมน-ฟรีด ยอมรับว่า FTX บริหารความเสี่ยงผิดพลาด แต่ยืนยันว่าตนไม่ได้มีเจตนาฉ้อโกง และไม่ทราบเรื่องที่เงินทุนลูกค้า FTX ถูกนำไปมั่วกับเงินทุนของ Alameda