ไซมิส แอสเสท ส่งสัญญาณแนวโน้มผลงานไตรมาส 4 เติบโตมากกว่าไตรมาส 3 รับอานิสงส์นักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติคึกคัก หนุนรายได้ธุรกิจบริการเพิ่ม ขณะยอดขายรอโอนโครงการอสังหาฯ กว่า 6,800 ล้านบาท รับรู้ยาว 3 ปี ผู้บริหารเผย Grand Opening โครงการ MONSANE' Exclusive Villa ราชพฤกษ์-ปิ่นเกล้า กระแสตอบรับดีเยี่ยม ตรียมเปิดตัว 3 โครงการใหม่เร็วๆ นี้
นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) SA ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ภายใต้แนวคิด ‘Asset of Life สร้างกำไรให้กับทุกการใช้ชีวิต’ เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2565 บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 3/2565 เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากการกลับมาของนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนทั้งในอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัย โรงแรมและอาหารของบริษัทฯ นอกจากนี้ บริษัทมีการรับรู้รายได้จากยอดโอนโครงการแนวสูงจำนวนมาก
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการที่กำลังดำเนินงานอยู่เพื่อขายมูลค่าประมาณ 24,000 ล้านบาท และมี Inventory มูลค่าประมาณ 4,700 ล้านบาท และมี Backlog จากการขายรอโอน มูลค่ากว่า 6,800 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวสูง 90% และโครงการแนวราบ 10% ทยอยรับรู้รายได้ถึงปี 2568
"ล่าสุด บริษัทฯ จัดงาน Grand Opening โครงการ MONSANE' Exclusive Villa ราชพฤกษ์-ปิ่นเกล้า โครงการวิลล่าหรูสไตล์ Modern Classic บนทำเลศักยภาพ ติดถนนพรานนก-พุทธมณฑล สาย 4 เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ ที่มีราคาเริ่ม 29-50 ล้านบาท จำนวน 59 หลัง ได้รับกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยม และส่งผลทำให้ตอนนี้มียอดจองวิลล่าดังกล่าวแล้วจำนวน 15 หลัง"
นอกจากนี้ บริษัทฯ มีโครงการใหม่จำนวน 3 โครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาซึ่งเป็นแนวราบจำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ Siamese Holm Phahol-Viphavadi และ Monsane Ratchapruek-Cheangwattana เป็นโครงการแนวสูงจำนวน 1 โครงการ ได้แก่ Siamese Talingchan ซึ่งเป็นโครงการลักษณะ Wellness แนวใหม่ของไซมิส คาดว่าจะสามารถเปิดตัวได้ในเร็วๆ นี้
สำหรับความคืบหน้าธุรกิจอื่นๆ เช่น ธุรกิจ Cloud Kitchen ปัจจุบันบริษัทฯ เปิดดำเนินการไปแล้วจำนวน 25 สาขา และเตรียมเปิดเพิ่มเติมอีก 3 สาขาภายในปีนี้ ขณะเดียวกันธุรกิจบริหารสินทรัพย์มีอยู่ระหว่างพัฒนา 1 โครงการ และเตรียมยื่นซองประมูล NPA-NPL มาบริหารเพิ่มเติม คาดสามารถเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงกลยุทธ์ปรับสัดส่วนการพัฒนาโครงการแนวราบให้มีมูลค่าเป็นสัดส่วน 50% ของรายได้รวมภายในระยะเวลา 3 ปี (ไตรมาส 1/2565-ไตรมาส 4/2567) พร้อมคาดการณ์ว่าภายในปี 2566 บริษัทฯ จะมีรายได้จากแนวราบประมาณปีละ 3,000-4,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เติบโตอย่างก้าวกระโดด