จากการขยายผลทลายเครือข่าย "แก๊งตู้ห่าว" (นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์) ชาวจีนที่ได้สัญชาติไทย โดยสามารถจับกุมได้ มีการกระจายกำลังตรวจเข้าตรวจค้นตามจุดต่างๆ ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ตรวจยึดสิ่งผิดกฎหมายและทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิดกลุ่มธุรกิจจีนสีเทา หนึ่งในนั้นคือ การที่มีชาวจีนอยู่ในโครงการบ้านหรู "แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด สุขุมวิท ซอยแบริ่ง-ลาซาล" เนื้อที่ 47 ไร่ ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เป็นโครงการบ้านหรู ราคาหลังละกว่า 50 ล้านบาท (เจ้าของโครงการ คือ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในตระกูล "ชินวัตร")
แหล่งข่าวในวงการบริหารโครงการหมูบ้านจัดสรรและอาคารชุด เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงประเด็นที่ "ทุนจีนสีเทา" ได้เข้ามาครอบครองอยู่อาศัยในบ้านหรูเกือบทั้งโครงการ ซึ่งเป็นโครงการของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ทั้งหมดมีตัวแทนคนไทย (นอมินี) ซึ่งการที่พุ่งเป้าไปที่บ้านหรู ราคาแพง เพราะเงินที่ไม่มีแหล่งที่มา หลายพันล้านบาท การจะลงทุนอะไรต้องได้คืนมาเป็นพันล้านบาท ไม่ใช่ได้คืนมาแค่ร้อยล้านบาท ซึ่งทุนจีนเข้าในไทยเยอะมาก เช่น อันดับ 1 คือ ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในหัวเมืองท่องเที่ยว หรือคอนโดฯ หรูๆ ก็มีทุนจีนเยอะเช่นกัน แต่อยู่ในกรอบกฎหมายสัดส่วนถือครองร้อยละ 49 ของพื้นที่ขาย
"เราพูดมา 10 ปีที่แล้ว วันนี้ดูเอาเป็นอย่างไร แต่ถ้ารัฐบาลสามารถปราบเรื่องทุจริต การใช้นอมินีรับโอนแทนชาวต่างชาติได้ เป็นเรื่องที่ดี คนไทยที่ไม่ค่อยมีตังค์ หรือมีเงินก็คงได้ซื้อเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง ทุกวันนี้นอมินีได้ เพราะเงินดี จ่ายง่าย ตรงเวลา และผู้ที่อยู่เบื้องหลังเป็นผู้มีอำนาจ ทั้งนี้ กรณีที่รัฐบาลจะเปิดให้ต่างชาติที่ลงทุนในไทยตามหลักส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอ ตรงนี้น่าจะได้รับความสนใจน้อย ตรงเกินไป แต่ถ้าเป็นการทำอะไรตรงไปตรงมา ก็ไม่มีเหตุผล แต่ลักษณะที่เป็นข่าวคือ การฟอกเงิน" แหล่งข่าวกล่าว
พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า การที่แก๊งตู้ห่าว มาซื้อบ้านหรูจำนวนมาก ซื้อเงินสด 20 ล้านบาท 30 ล้านบาทขึ้นไปก็ผิดสังเกต!
"หากฟอกสำเร็จ คอนเน็กชันมี ก็ไปสเต็ปโครงการถัดไป ไม่ได้หยุดแค่โปรเจกต์เดียว อยู่ดีๆ เอาเงินหลายพันล้านบาทมากองให้ ที่สำคัญระยะเวลาถือครองอสังหาฯ ในไทยไม่ต้องถือยาว ต่างจากที่ถืออยู่ในประเทศจีน กว่าจะขายได้ต้องถือยาวเลย เหตุที่มาไทย เพราะ 1.อสังหาฯ ในไทยราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน 2.จะซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง มูลค่าจะมากกว่าซื้อเฉพาะที่ดิน 3.อสังหาฯ ปล่อยง่าย สภาพคล่องดี 4.การใช้นอมินีเป็นเรื่องง่าย และ 5.หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องจะต้องไม่เป็นใจด้วย ซึ่งกฎหมายลงทุนโทษบ้านเรา ต่างจากจีน การทุจริตโทษหนักมาก"
แหล่งข่าวกล่าวว่า กรณีทุนจีนที่มีสิทธิในหมู่บ้านหรูที่เป็นข่าว ที่อาจจะมีนอมินีถือแทนนั้น หากเกินกว่าร้อยละ 60 ตรงนี้มีผลชี้ขาด และจะกระทบต่อสิทธิของคนไทยที่อยู่อาศัยในหมู่บ้านหรูดังกล่าว เพราะเมื่อหมู่บ้านดังกล่าวมีการจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรแล้ว ก๊วนของทุนจีนสีเทา สามารถสั่งยึดอำนาจในหมู่บ้านแห่งนี้ ทำให้ร้อยละ 40 ที่เหลือที่เป็นชาวไทยจะถูกลิดรอนสิทธิ ไม่สามารถเลือกกรรมการที่เป็นฝั่งของคนไทยได้เลย ทำให้กรรมการในนิติบุคคลเป็นของตัวแทนนอมินีไปหมด เวลาจะพิจารณาเรื่องต่างๆ คนไทยจะโหวตแพ้ตัวแทนที่มาจากนอมินี
"ตรงนี้จะว่านอมินีไม่ได้ เพราะกฎหมายเปิดช่อง และผู้มีอำนาจและเจ้าพนักงานที่ดิน ที่สำคัญการที่กฎหมายไทยยังไม่มีการแก้ไข เชื่อว่าในอนาคตปัญหาเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นอีก สิ่งที่น่ากังวลหากทุนจีนสีเทา เข้ามาซื้ออสังหาฯ เป็นจำนวนมาก และเข้ามาอยู่จะมีผลต่อเรื่อง "ความมั่นคงของชาติ" คนไทยสูญเสียโอกาส เพราะไม่ทัน เงินคนไทยน้อย หลังเดียวกันนอมินีเอาเงินสดมากองไว้จะโอนทันที แต่คนไทยจะโอนอีก 1 เดือน เพื่อรอธนาคารอนุมัติ"
ก่อนหน้านี้ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรคการเมือง และนักธุรกิจชื่อดัง โพสต์ภาพพร้อมข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว แฉการทำงานของกลุ่มทุนจีนสีเทาจะต้องมี “นอมินี” เป็นตัวแทนออกหน้าเสมอ โดยเจ้าตัวระบุว่า จีนเทาบางกลุ่มใช้วิธีการ “เช่า” นอมินีตัวแทน ผ่านการช่วยเหลือของสำนักงานกฎหมายบางแห่งที่หากินกับคนจีนโดยเฉพาะ
โดยมีอัตราตามนี้ 1.ค่าจดทะเบียนบริษัทร่วมทุนในประเทศไทย 35,000 บาท 2.ค่าธรรมเนียมของรัฐ 6,500 บาท 3.ค่าร่างและจดทะเบียนข้อบังคับบริษัท 15,000 บาท 4.ค่าดำเนินการโอนหุ้นลอย (ให้นอมินีไทยโอนหุ้นลอยไว้ กันหนี) 15,000 บาท 5.“ค่าเช่านอมินี” 40,000 บาท/คน/ปี เป็นต้น
SC แจงขายบ้านให้คนไทย ไม่มีผู้ถือหุ้นโยงทุนจีนสีเทา
เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC โดย นายสมบูรณ์ คุปติมนัส เลขานุการบริษัท ได้ออกเอกสารเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีข่าวเรื่องกลุ่มทุนจีนสีเทา มีรายละเอียดระบุว่า ตามที่มีการเสนอข่าวของสื่อมวลชนเรื่องกลุ่มทุนจีนสีเทากว้านซื้อบ้านในโครงการของบริษัทนั้น บริษัทใคร่ขอเรียนข้อเท็จจริงว่า
1.บริษัทประกอบธุรกิจด้วยความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี โดยยึดหลักไม่กระทำผิดกฎหมาย บ้านทุกหลังในทุกโครงการขายให้เฉพาะคนไทยและนิติบุคคลไทยเท่านั้น
2.ในการซื้อขายบ้านพร้อมที่ดิน บริษัทกำหนดให้ผู้ซื้อจะต้องชำระเงินผ่านธนาคารเท่านั้น
3.ผู้ถือหุ้นบริษัทไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องใดๆ กับการซื้อขายบ้านของบริษัทในทุกกรณี จึงเรียนมาเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง
"แก๊งตู้ห่าว" ชอบอสังหาฯ โซนสุขุมวิท
แหล่งข่าวที่ปรึกษาแห่งหนึ่ง ให้ความเห็นว่า "กลุ่มตู้ห่าว หรือแก๊งจีนที่รวย ที่อยู่ในเซี่ยงไฮ้ กว่างเจา ปักกิ่ง ชอบซื้ออสังหาฯ ในเมืองไทย โดยเฉพาะบ้านหรูบริเวณสุขุมวิท ขนาด 100 ตารางวา มีพื้นที่ ซึ่งโครงการแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด อยู่ในสเปกที่ทางกลุ่มนี้ต้องการ มีพื้นที่น่าอยู่ มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหนือกว่าในประเทศของตนเอง เพื่อแสดงความมีฐานะ และยังต้องการคอนโดฯ ในเมือง เช่น สุขุมวิท หรือติดริมแม่น้ำ เช่น คอนโดฯ หรูบริเวณเจริญนคร และคอนโดฯ ในสุขุมวิท 39 ต้องการขนาด 2-3 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่า 100 ตารางเมตร (ตร.ม.) จะอยู่กันเป็นกลุ่ม จะไม่แยก เวลาซื้อจะไม่นิยมต่อราคา จะยินดีควักเงิน ได้มาเท่าไหร่จ่ายออกไป ต่างกับคนจีนที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัย ต่อราคามาก ซื้อยกชั้น ต่อราคาอย่างน้อยร้อยละ 20-30 เป็นต้น"
สำหรับการเข้ามาถือครองอสังหาฯ ไม่ว่าจะเป็นคอนโดฯ บ้าน หรือที่ดินในประเทศไทยของชาวต่างชาติ พบเห็นได้มากมายมานานกว่า 20 ปีแล้ว เพียงแต่ช่วงหลายปีที่ผ่านมา เรื่องของการที่มีชาวต่างชาติเข้ามาซื้อคอนโดฯ ในประเทศไทยมากขึ้นแบบชัดเจน แต่ถ้าดูจากสถิติแล้วชาวต่างชาติโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯ ในแต่ละปีไม่เกินร้อยละ 10 ของจำนวนคอนโดฯ ที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ในประเทศไทย
"สิ่งที่น่ากังวล คือ เรื่องของการเข้ามาถือครองที่ดิน หรือบ้านในประเทศไทยผ่านช่องทางที่อาจจะไม่ชัดเจน และกฎหมายไม่สามารถเอาผิดอะไรได้ ซึ่งเรื่องแบบนี้การตรวจสอบทำได้ยากและเสียเวลา รวมไปถึงบุคลากรจำนวนมาก และสิ่งที่แก๊งตู้ห่าว ซื้อบ้านหรูจำนวนมากมีมาก่อนที่ ครม.จะพิจารณาที่จะให้ชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน สามารถได้สิทธิซื้อบ้านพร้อมที่ดิน 1 ไร่"
บิ๊กอสังหาฯ ยืนยันไม่ขายทั้งหมู่บ้าน
แม้มีทุนจีนมาขอซื้อ!
ผู้บริหารระดับสูงของ บมจ.อสังหาฯ แห่งหนึ่ง กล่าวต่อประเด็นที่มีชาวจีนมาขอซื้อหมู่บ้านในโครงการว่า "มีทุนจีนมาขอซื้อโครงการเรา ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับราคาตั้งแต่ 12 ล้านบาท ไปจนถึง 20 ล้านบาท แต่เราไม่ขาย เพราะเรารู้สึกว่าการที่ทุนจีนเหล่านี้มาเลือกบ้าน เน้นในแบบบ้าน ทำให้เป็นการปิดโอกาสการซื้อของคนอื่นไปหมด เราเลยไม่อยากปล่อย" ผู้บริหารกล่าว
กรมที่ดินเต้น! สั่งสอบนอมินีถืออสังหาฯ แทนต่างด้าว
นางพนิตาวดี ปราชญ์นคร รองอธิบดีกรมที่ดิน กล่าวว่า จากการตรวจสอบชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโครงการหมู่บ้านจัดสรร พบว่าเป็นบุคคลไทยทั้งหมด ซี่งจะต้องดำเนินการตรวจสอบว่าคนไทยเหล่านี้ถือที่ดินแทนคนต่างด้าวหรือไม่ หากพบว่าเป็นการถือที่ดินแทนคนต่างด้าวจะต้องดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
ปัจจุบัน การถือครองที่ดินของบุคคลต่างด้าวบางประเภทสามารถดำเนินการได้ตามกฎหมายเฉพาะ เช่น
1.กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว พ.ศ.2545
2.พระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ.2520
3.พระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.2561 เป็นต้น
แต่บุคคลต่างด้าวยังมิอาจได้มาตามประมวลกฎหมายที่ดินได้ ซึ่งในการตรวจสอบกรณีนิติบุคคลขอได้มาซึ่งที่ดินว่าจะเป็นนิติบุคคลต่างด้าวหรือไม่นั้น มีแนวทางปปฏิบัติให้ตรวจสอบว่า มีคนต่างด้าวถือหุ้นเกิน 49% หรือไม่ และมีหุ้นส่วนคนต่างด้าวเกิน 50% ของผู้เป็นหุ้นส่วนหรือไม่ หากตรวจสอบแล้วไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ถือว่านิติบุคคลดังกล่าวเป็นนิติบุคคลสัญชาติไทยสามารถถือครองที่ดินในประเทศไทยได้ตามมาตรา 97 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน
สำหรับการได้มาซึ่งที่ดินของนิติบุคคลที่มีเหตุที่น่าสงสัยคนไทยเป็นผู้ถือหุ้นแทนคนต่างด้าว พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องสอบสวนให้ปรากฏข้อเท็จจริงว่าคนไทยเหล่านี้เป็นผู้ถือหุ้นที่แท้จริง มิได้ถือแทนคนต่างด้าว โดยสอบสวนผู้ถือหุ้นคนไทยที่ถือหุ้นส่วนใหญ่ในประเด็น มีอาชีพใด รายได้ต่อเดือนเท่าไร โดยแสดงหลักฐานประกอบ เงินที่ซื้อหุ้นมีที่มาอย่างไร เป็นต้น
ส่วนกรณีบุคคลต่างด้าวเช่าที่ดิน หรือถือสิทธิประเภทอื่นในระยะยาว พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องสอบสวนว่าวัตถุประสงค์ในการเช่าที่ดินเพื่อนำไปประกอบกิจการใด ผู้ให้เช่าถือกรรมสิทธิ์แทนบุคคลต่างด้าวผู้เช่าหรือไม่ หรือขัดต่อ พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวหรือไม่
"กรมที่ดินได้มีหนังสือสั่งเน้นย้ำให้พนักงานเจ้าหน้าที่ใช้ความรอบคอบ และสอบสวนให้ได้ข้อเท็จจริงให้ปรากฏชัดเจน กรณีที่คนไทยซื้อที่ดินว่าจะเข้าลักษณะเป็นการถือครองที่ดินแทนบุคคลต่างด้าวหรือไม่ ตลอดจนให้ทำการประชาสัมพันธ์ให้ทราบด้วยว่าการถือครองที่ดินแทนคนต่างด้าวจะมีความผิดฐานแจ้งความเท็จ และแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ทั้งตามประมวลกฎหมายที่ดินและประมวลกฎหมายอาญา รวมถึงบุคคลต่างด้าวมีความผิด ซึ่งมีอัตราโทษทั้งจำและปรับ ส่วนที่ดินที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นจะต้องจำหน่าย หากไม่จำหน่ายอธิบดีกรมที่ดินมีอำนาจจำหน่ายที่ดินนั้นได้"
รับสร้างบ้านหรู เพิ่งรู้! 'จีนสีเทา' ขอแบบไปสร้างบ้าน
แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการบริษัทรับสร้างบ้านหรูราคาตั้งแต่ 50 ล้านบาทจนถึง 100 ล้านบาทขึ้นไป กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า จากการติดตามข่าวที่เจ้าหน้าที่ได้จับกุมทุนจีนสีเทา ในประเทศไทยขณะนี้ และมีการเข้าไปตรวจค้นและยึดทรัพย์ของกลุ่มทุนจีนสีเทา สิ่งที่เราเห็นคือ บ้านบางหลังที่ปลูกสร้างบ้านแล้วเสร็จ เป็นแบบบ้านของบริษัทเอง แต่ไม่ใช่ว่า บริษัทรับสร้างบ้านเข้าไปปลูกสร้างให้ แต่มีลูกค้าจีนสีเทามาขอดูและขอซื้อแบบแปลนจากเราไป แต่ไปว่าจ้างผู้รับเหมาก่อสร้างแทน ต้นทุนก่อสร้างจะถูกลงไปประมาณร้อยละ 10 แต่ต้นทุนลงไปไม่มากนัก
"ตอนแรกเราไม่รู้ว่าชาวจีนเหล่านี้มาขอแบบไปทำอะไร พอเห็นภาพในข่าว ก็รู้เลยเป็นแบบบ้านหรูของเรา กระบวนการคล้ายกับซื้อโครงการบ้านหรูในจัดสรร ใช้ชื่อคนไทยแทนในการปลูกสร้างบ้าน ขอทะเบียนบ้าน ขอมิเตอร์น้ำ" แหล่งข่าวกล่าวและย้ำว่า อาจจะไม่มีทั้งหมด เพราะลูกค้าหลักที่สร้างบ้านหรูของเราจะเป็นเจ้าของธุรกิจที่ทำอยู่ต่างจังหวัด เจ้าของโรงแรม เจ้าของธุรกิจโลจิสติกส์ และธุรกิจแพกเกจจิ้ง เป็นต้น.