นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ยืนยันว่าจะไม่มีการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับกำไร (Capital Gains) ในตลาดหลักทรัพย์ หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบหลักการยกเลิกการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ หรือภาษีขายหุ้น เมื่อต้นสัปดาห์
"คลังยืนยันว่าไม่เก็บ 2 อย่าง แม้จะมีบางประเทศเก็บ 2 ขา คลังจะเก็บเฉพาะภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายต่อครั้งเท่านั้น" นายอาคม กล่าว
ทั้งนี้ การเก็บภาษีขายหุ้นจะไม่กระทบต่อบริษัทรายย่อย เนื่องจากมูลค่าซื้อขายในปัจจุบันในตลาดหลักทรัพย์เป็นการซื้อขายของบริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งมีสัดส่วนในตลาดเพียง 11% แต่มีมูลค่าการซื้อขายประมาณ 95% ส่วนรายย่อยมีสัดส่วน 89% แต่มีมูลค่าการซื้อขาย 5% เท่านั้น การจัดเก็บภาษีขายหุ้น ยังเป็นไปตามหลักการเสมอภาค และเป็นธรรมกับผู้เสียภาษีที่มีรายได้จากการขายหุ้น เช่นกันกับธุรกิจอื่นๆ โดยคลังจะจัดเก็บในอัตรา 0.11% รวมท้องถิ่น แต่มีระยะเวลายกเว้น 3 เดือน และจัดเก็บอัตรา 0.055% ในปีแรก เพื่อให้มีการปรับตัว โดยจัดเก็บต่อครั้ง และให้โบรกเกอร์เป็นผู้หักนำส่ง ไม่ต้องยื่นภาษี
นอกจากนี้ ไม่ได้ทำให้ไทยเสียเปรียบคู่แข่ง เนื่องจากคิดเป็นต้นทุนเพิ่มขึ้นเพียง 0.22% เทียบฮ่องกง ที่มีต้นทุนทางการเงิน 0.38% มาเลเซีย 0.29% และสิงคโปร์ 0.2% ใกล้เคียงกับไทย
รวมทั้งไม่ได้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้รายใหญ่ เพราะมีการเข้าใจคลาดเคลื่อน ว่า มีการเว้นภาษีให้ผู้ดูแลสภาพคล่อง (มาร์เกตเมกเกอร์) ซึ่งในส่วนนี้ไม่รวมนักลงทุน รวมทั้งมีการยกเว้นภาษีให้กองทุนรวมที่ขายหน่วยลงทุนแก่กองทุนบำนาญ เช่น กองทุนประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นต้น