"ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น" ประกาศราคาเสนอขายสุดท้ายที่ 32 บาท ซึ่งเป็นราคาสูงสุด ของช่วงราคาเสนอขาย เบื้องต้น คิดเป็นมูลค่าเสนอขายรวม 21,120 ล้านบาท โดยถือเป็นหุ้นไอพีโอ (IPO) ที่มีมูลค่าการเสนอขายสูงที่สุดในกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มของประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นไทย อีกทั้งยังได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ คาดเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) 9 ธันวาคม 2565 นี้
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ กล่าวว่า “หลังจากที่บริษัทได้เสนอขายหุ้นไอพีโอของไอ-เทล และเปิดจองซื้อหุ้นไประหว่างวันที่ 22-25 พฤศจิกายน 2565 พบว่าได้รับความสนใจและตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ จำนวนรวม 27 ราย แบ่งเป็นผู้ลงทุนสถาบันที่เป็น Cornerstone Investors ในประเทศไทย จำนวน 19 ราย และผู้ลงทุนสถาบันที่เป็น Cornerstone Investors ในต่างประเทศ จำนวน 8 ราย คิดเป็นจำนวนหุ้นรวม 333.77 ล้านหุ้น หรือประมาณร้อยละ 50.57 ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายในครั้งนี้ ทั้งยังได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากนักลงทุนที่เข้าร่วมงานไอพีโอโรดโชว์ในกรุงเทพฯ และ 3 จังหวัดใหญ่ ได้แก่ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดสงขลา และจังหวัดเชียงใหม่ ผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ รวมกว่า 1,000 คน”
จากผลตอบรับที่ดีเยี่ยมดังกล่าว ไอ-เทล จึงได้กำหนดราคาเสนอขายสุดท้ายของหุ้น ITC ที่ราคา 32 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าเสนอขายรวม 21,120 ล้านบาท และทำให้หุ้น ITC ถือเป็นหุ้นที่มีมูลค่าการเสนอขายสูงที่สุดในกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มของตลาดหุ้นไทย โดยราคาดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ความสามารถในการสร้างผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างมั่นคง และยั่งยืนของบริษัทแม้ในภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์การลงทุนที่มีความผันผวน โดยคาดว่าจะสามารถจดทะเบียนซื้อขายใน ตลท. เป็นวันแรกในวันที่ 9 ธันวาคมนี้
นายพิชิตชัย วงศ์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (ITC) กล่าวว่า “บริษัทขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้ความสนใจ ITC และมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเติบโตไปอีกขั้นของไอ-เทล 1 ใน 10 ธุรกิจผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงระดับโลกจากกลุ่มไทยยูเนี่ยน โดยการเข้าจดทะเบียนใน ตลท. เพื่อนำไปใช้เป็นเงินทุนในการปรับปรุงโรงงานทั้ง 2 แห่งในจังหวัดสงขลา และสมุทรสาคร ให้ทันสมัยด้วยระบบและเครื่องจักรอัตโนมัติเพื่อขยายกำลังและประสิทธิภาพการผลิต ขยายระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนการผลิต พร้อมลงทุนในระบบคลังสินค้าและติดฉลากอัตโนมัติ รวมถึงต่อยอดศักยภาพด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ขยายธุรกิจ ชำระคืนเงินกู้ยืม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนให้บริษัท ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ความสามารถในการดำเนินงานและสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนตามเป้าหมายหลักของไอ-เทล”