โพลีเน็ต เปิดเทรดวันแรกที่ 6.70 บาท ลดลง 0.10 บาท ต่ำกว่าราคาจอง ที่กำหนดไว้หุ้นละ 6.80 บาท และเมื่อปิดตลาดราคาหุ้นปิดที่ 7.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 7.35% จากราคา IPO ที่ 6.80 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,015.23 ล้านบาท ขณะบอร์ดอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.08 บาท กำหนดจ่าย 13 ธันวาคม 2565
หุ้น POLY หรือ บริษัท โพลีเน็ต จำกัด (มหาชน) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม หมวดยานยนต์ เมื่อเปิดตลาดราคาหุ้นเปิดที่ 6.70 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 1.47% จากราคาไอพีโอที่กำหนดไว้หุ้นละ 6.80 บาท และปิดช่วงเช้าที่ราคา 6.65 ลดลง 0.15 บาท หรือ 2.21 % มูลค่าซื้อขาย 549.76 ล้านบาท เมื่้อปิดตลาดราคาหุ้นอยู่ที่ 7.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 7.35% จากราคา IPO ที่กำหนดไว้ 6.80 บาท ระหว่างวันราคาหุ้นปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 7.30 บาท ต่ำสุดที่ 6.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,015.23 ล้านบาท
นางกาญจนา เหลารัตนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร POLY กล่าวว่า บริษัทฯ เข้าซื้อขายเป็นวันแรกเป็นอีกก้าวสำคัญสู่ความยั่งยืน และมั่นใจว่าเงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวนประมาณ 785 ล้านบาท ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ ใช้สำหรับจ่ายคืนหนี้สินเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และใช้ลงทุนในโครงการขยายโรงงานและลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติม
สำหรับ ผลการดำเนินงานในปี 2565 เชื่อมั่นว่าจะเป็นปีที่ดีของ POLY เติบโตจากปี 2564 มีรายได้รวมอยู่ที่ 787.1 ล้านบาท เติบโต 50.4% กำไรสุทธิ 120.9 ล้านบาท เติบโต 454.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือเป็นการเติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ของบริษัทฯ ขณะผลงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2565 มีรายได้รวม 790.4 ล้านบาท เติบโต 48.6% กำไรสุทธิ 122.5 ล้านบาท เติบโต 60.1 % เนื่องจากการเติบโตของรายได้จากทุกกลุ่มธุรกิจ และความสำเร็จในการขยายตลาดไปยังลูกค้าในกลุ่มอุปกรณ์ทางการแพทย์ และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค
ขณะที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ( จ่ายจากกำไรสะสมงวดเดือนมกราคม - กันยายน 2565) ในอัตรา 0.08 บาท/หุ้น โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 และกำหนดวันที่ได้รับเงินปันผล วันที่ 13 ธันวาคม 2565
นางสาวสุวิมล ศรีโสภาจิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า POLY จะเป็นหุ้นน้องใหม่ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้กับนักลงทุนได้ เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยเป็นผู้เชี่ยวชาญที่คร่ำหวอดอยู่ในอุตสาหกรรมมากว่า 20 ปี เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียง เป็นหนึ่งในผู้ผลิตชั้นนำในผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับ ยาง พลาสติก และซิลิโคน ที่มีลูกค้ากระจายอยู่ใน 3 ธุรกิจหลัก ทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ (Automotive) อุตสาหกรรมเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ (Medical) และอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Products) ซึ่งถือเป็นตลาดที่ใหญ่มาก
สำหรับ POLY ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับยาง พลาสติก และซิลิโคนขึ้นรูป แบบครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบผลิตแม่พิมพ์ คิดค้นพัฒนาสูตรการผลิต ตลอดจนขึ้นรูปชิ้นงานตามความต้องการของลูกค้าและการใช้งานที่หลากหลาย ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ (Automotive) เช่น ยางกันฝุ่น หน้ากากช่องแอร์ และวาล์วซิลิโคน เป็นต้น