xs
xsm
sm
md
lg

ธปท.เผยระบบแบงก์แข็งแกร่ง กำไรสุทธิ 60 พันล้าน บีไอเอสร้อยละ 19.2

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ธปท.เผยระบบธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 3 มีกำไรสุทธิ 60.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 56.8 โดยมีเงินกองทุนสูง 3,094.6 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio) ที่ร้อยละ 19.2 เงินสำรองอยู่ในระดับสูงที่ 890.7 พันล้านบาท โดยอัตราส่วนเงินสำรองที่มีต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL coverage ratio) อยู่ที่ร้อยละ 171.6
 
น.ส.สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยผลการดำเนินงานของระบบธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 3 ปี 2565 ว่า ระบบธนาคารพาณิชย์มีความเข้มแข็ง โดยมีเงินกองทุน เงินสำรองและสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง สามารถทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและสนับสนุนความต้องการสินเชื่อของภาคธุรกิจและครัวเรือนได้ในระยะถัดไป นอกจากนี้ ธนาคารพาณิชย์ยังบริหารจัดการคุณภาพสินเชื่อและให้ความช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่องด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ ขณะที่ผลประกอบการปรับดีขึ้นจากปีก่อน โดยหลักจากการขยายตัวของสินเชื่อที่ทำให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น ประกอบกับค่าใช้จ่ายสำรองลดลง โดยมีรายละเอียดดังนี้


ระบบธนาคารพาณิชย์มีเงินกองทุนทั้งสิ้น 3,094.6 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio) ที่ร้อยละ 19.2 เงินสำรองอยู่ในระดับสูงที่ 890.7 พันล้านบาท โดยอัตราส่วนเงินสำรองที่มีต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL coverage ratio) อยู่ที่ร้อยละ 171.6 และอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องเพื่อรองรับกระแสเงินสดที่อาจไหลออกในภาวะวิกฤต (Liquidity Coverage Ratio : LCR) อยู่ที่ร้อยละ 186.5


ภาพรวมการเติบโตของสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 3 ปี 2565 ขยายตัวที่ร้อยละ 5.3 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน ชะลอลงจากร้อยละ 6.3 ในไตรมาสก่อนหน้า จากการชำระคืนของสินเชื่อที่ให้แก่ภาครัฐ ประกอบกับการบริหารจัดการคุณภาพหนี้ ทั้งนี้ สินเชื่อยังขยายตัวสอดคล้องกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยมีรายละเอียดดังนี้

สินเชื่อธุรกิจขยายตัวที่ร้อยละ 6.1 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน จากสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ที่ขยายตัวตามความต้องการเงินทุนเพื่อรองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัวชัดเจนขึ้น ด้านสินเชื่อธุรกิจ SMEs หดตัว ผลจากสินเชื่อ soft loan ที่ทยอยชำระคืนเป็นสำคัญ

สินเชื่ออุปโภคบริโภคขยายตัวที่ร้อยละ 3.9 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน โดยขยายตัวเพิ่มขึ้นในทุกพอร์ตสินเชื่อ สินเชื่อส่วนบุคคลขยายตัวต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของการบริโภคภาคเอกชน ขณะที่สินเชื่อที่อยู่อาศัยขยายตัวตามอุปสงค์ต่อที่อยู่อาศัยที่ปรับเพิ่มขึ้นทั้งแนวราบและแนวสูง ส่วนหนึ่งจากผลของมาตรการสนับสนุนการซื้อที่อยู่อาศัยที่จะสิ้นสุดในปี 2565 สำหรับสินเชื่อรถยนต์ขยายตัว สอดคล้องกับยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ปรับดีขึ้น ด้านสินเชื่อบัตรเครดิตขยายตัวต่อเนื่อง สอดคล้องกับปริมาณการใช้จ่ายที่ขยายตัว รวมถึงผลของการใช้จ่ายที่อยู่ในระดับต่ำจากการล็อกดาวน์ในช่วงเดียวกันของปีก่อน

ด้านคุณภาพสินเชื่อ ธนาคารพาณิชย์บริหารจัดการคุณภาพหนี้และให้ความช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่องด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ ส่งผลให้ยอดคงค้างสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Non Performing Loan : NPL หรือ stage 3) ของระบบธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 3 ปี 2565 ลดลงมาอยู่ที่ 502.7 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมที่ร้อยละ 2.77 ขณะที่สัดส่วนสินเชื่อที่มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของความเสี่ยงด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวม (Significant Increase in Credit Risk : SICR หรือ stage 2) อยู่ที่ร้อยละ 6.26 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ร้อยละ 6.09


ระบบธนาคารพาณิชย์มีกำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2565 จำนวน 60.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 56.8 โดยหลักเป็นผลจากการขยายตัวของสินเชื่อที่ทำให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับเพิ่มขึ้น ประกอบกับค่าใช้จ่ายสำรองลดลง หลังจากที่ธนาคารพาณิชย์ได้ทยอยกันสำรองในระดับสูงตลอดช่วง COVID-19 อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับไตรมาสก่อน กำไรสุทธิปรับลดลงจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยที่ลดลงจากรายได้เงินปันผลตามปัจจัยฤดูกาลในไตรมาสก่อน ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ดอกเบี้ยเฉลี่ย (Net Interest Margin : NIM) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 2.64 จากไตรมาสก่อนที่ร้อยละ 2.51 ทั้งนี้ ภาพรวมอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Return on Assets : ROA) ลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 1.01 จากไตรมาสก่อนที่ร้อยละ 1.11




กำลังโหลดความคิดเห็น