xs
xsm
sm
md
lg

คนบาปในคราบนักบุญ แผน FTX ปล้นเงินนักลงทุน ถูกวางหมากไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



จอร์แดน เบลฟอร์ต แห่ง The Wolf of Wall Street ออกมาแฉแผนการปล้นเงินจากนักลงทุนของ Sam Bankman-Fried อดีต CEO ของ FTX กระดานเทรดคริปโตที่ล่มสลายไปล่าสุด ว่ามีการเตรียมการไว้ล่วงหน้าอย่างเป็นระบบโดยอาศัยแรงคลื่นจากภาวะเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่ส่งผลด้านลบกับตลาดคริปโตเข้ามาเป็นตัวอำพรางอย่างแนบเนียนและกลบเกลื่อนร่องรอยโดยวางแผนการไว้ล่วงหน้า หรือเรียกว่า 'Frat House'

จากการเปิดเผยของ finbold ระบุถึงการออกมาเปิดเผยข้อมูลของ จอร์แดน เบลฟอร์ต หรืออดีตนายหน้าซื้อขายหุ้น ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ “หมาป่าแห่งวอลล์สตรีท” ได้ออกมาแฉเส้นทางการปล้นเงินของนักลงทุนอย่างแนบเนียน ด้วยฉากหน้าที่เป็นข้ออ้างผลพวงการพังทลายของตลาดคริปโต และนำมาสู่การล้มละลายของ FTX กระดานเทรดชื่อดังของวัยรุ่นพันล้าน Sam Bankman-Fried 

จากข้อมูลของ จอร์แดน เบลฟอร์ต เขากล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับ Fox News เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน โดยระบุถึงหลักฐานเชิงสถิติและการตั้งข้อสังเกตด้านพฤติกรรมอดีต CEO ของ FTX เขาเชื่อว่าการล่มสลายน่าจะเกิดจากการไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า

ในขณะเดียวกัน จอร์แดน เบลฟอร์ต ระบุว่า Bankman-Fried เป็นพวกต่อต้านสังคม นอกจากนี้เขาเผชิญกับข้อกล่าวหาเรื่องการยักยอกเงินของลูกค้า ซึ่งหากตรวจสอบพฤติกรรมเชิงลึกพบว่ารูปแบบธุรกิจของ FTX นั้นแฝงเร้นไปด้วยแผนการปั๊มเงินจากอากาศและแปรรูปเงินดังกล่าวนั้นเป็นเงินเสมือนดิจิทัล ก่อนที่จะถ่ายโอนข้อมูลเงินดังกล่าวและถอนเป็นเงินเฟียตออกมา

“เบื้องลึกแล้ว Sam Bankman-Fried เป็นพวกต่อต้านสังคม ซึ่งผมหมายถึงว่าเขาเป็นคนที่มีบุคคลิกซ่อนเร้น จอมวางแผนและแฝงไปด้วยอันตราย ซึ่งที่ผ่านมาจนกระทั่งตอนนี้ที่เขาพูดหว่านล้อมว่าโดยพื้นฐานแล้ว ภาพรวมตลาดทั้งหมดเป็นสัญญาณที่ดี และสิ่งที่สำคัญก็คือ ท้ายที่สุดแล้ว ใครก็ตามที่มีเงินมากที่สุดจะเป็นผู้ชนะ เพื่อหลอกล่อให้คนที่หลงเชื่อตามเขา เทเงินเข้ามาในกระดานเทรด FTX ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็จะหอบเงินก้อนดังกล่าวนั้นหนีหายไป โดยอาศัยช่วงที่ฝุ่นกำลังตลบ โดยโยนความผิดที่เกิดขึ้นว่าเป็นต้นเหตุมาจากเพราะวิกฤติตลาด” เบลฟอร์ตกล่าว

การเปรียบเทียบพฤติการณ์ Frat ของ FTX

จอร์แดน เบลฟอร์ต ฉายภาพถึงรูปแบบธุรกิจของ FTX ว่าเป็น 'frat house' ไว้อย่างน่าสนใจว่าในขณะที่ทุกคนกำลังหลงเชื่อคำพูดโน้มน้าว ในการเทเงินเข้ามาลงทุนของเขานั้น ทำไมนักลงทุน และผู้สนับสนุนการแลกเปลี่ยน จึงไม่เห็นสัญญาณเตือนใดๆ

“ใน FTX นั้นเป็นความสัมพันธ์ของกลุ่มคนที่คลั่งคริปโต หรือจะว่าให้เข้าใจง่ายๆมันเหมือนบ้านญาติพี่น้อง กลุ่มเพื่อนสนิท มากกว่าจะเป็นธุรกิจจริงๆ ซึ่งผมคิดว่าสิ่งที่น่าส่งสัยและรำคาญกว่านั้นคือข้อเท็จจริงที่ว่าเฮดจ์ฟันด์และ VCs ในเมเจอร์ลีกทั้งหมดเหล่านี้ไม่ได้รับสิ่งที่เป็นข้อเท็จจริงอย่างชัดเจน ซึ่งมันน่าตลกมากที่จะบอกว่า คุณรู้ไหมว่าบริษัทขนาดใหญ่เหล่านี้กำลังลงทุนกับสัญญาณเตือนที่ชัดเจนเหล่านี้ บริษัทเหล่านั้นได้ตรวจสอบอย่างละเอียดจริงๆมั้ย และคุณลงทุนผ่าน เฮดจ์ฟันด์และ VCs เหล่านั้นหรือเปล่า ระวังเงินคุณจะหายโดยไม่รู้ตัวละ” เขากล่าวเสริม

นอกจากนี้ จอร์แดน เบลฟอร์ต แนะนำว่าการตัดสินใจของSam Bankman-Fried ทั้งหมดอาจเทียบได้กับความวิกลจริต ในขณะที่ท้าทายหน่วยงานกำกับดูแลให้มุ่งเน้นไปที่ลูกค้าที่สูญเสียเงินไปในการล่มสลายของการแลกเปลี่ยน มากกว่าที่จะตามล่าตัวเขา ซึ่งการกล่าวอ้างว่าป่วยเป็นคนวิกลจริต เป็นหนึ่งในพฤติกรรมยอดนิยมของผู้ต้องหาเพื่อฟอกตัวให้พ้นผิด

ผลกระทบต่อตลาดทั่วไปหลังวิกฤติการล้มละลายของ FTX

แท้จริงแล้ว การล่มสลายของ FTX ส่งผลให้เกิดการปรับฐานของตลาดอย่างกว้างขวาง โดยสินทรัพย์ส่วนใหญ่สูญเสียส่วนแบ่งที่สำคัญในมูลค่าของมัน เหตุการณ์ดังกล่าวได้ขยายเวลาตลาดหมีออกไปและลดทอนมูลค่า crypto อีกอย่างน้อย 3-4 ปี

"เคล็ดลับสำหรับนักลงทุนเพื่อความอยู่รอดในฤดูหนาวของคริปโต ซึ่งอาจจะยาวนานไปอีกอย่างน้อย 3-4 ปี สำหรับสินทรัพย์เช่น Bitcoin (BTC) ลงทุนใน Bitcoin และ Ethereum (ETH) เท่านั้น ซึ่งไม่ควรตื่นตระหนกและเทขายออกไป"

ที่น่าสนใจคือภาวะตลาดตกต่ำส่งผลกระทบต่อนักลงทุนในด้านต่างๆ ตัวอย่างเช่น หลังจากการล่มสลายของ FTX เจ้าของโทเค็นดั้งเดิมของการแลกเปลี่ยน FTT ได้กลายเป็นผู้ที่กังวลมากที่ขณะที่ผู้ถือ Dogecoin (DOGE) จัดอยู่ในกลุ่มนักลงทุน crypto ที่มีความเครียดน้อยที่สุด ซึ่งประเด็นที่สำคัญมาจากแรงหนุนของ Elon Musk หลังจากการเข้าซื้อทวิตเตอร์ และได้ทวิตว่าจะผลักดันให้ Dogecoin เป็นเหรียญที่มีบทบาทสำคัญในการทำธุรกรรมในอนาคตต่อจากนี้ โดยเริ่มจากการรองรับในแพล็ทฟอร์มของทวิตเตอร์ก่อนที่จะขยายออกไปยังพันธมิตรธุรกิจอื่นๆ


กำลังโหลดความคิดเห็น