xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไทยปิด +2.43 จุด แม้ไร้ปัจจัยใหม่หนุน โบรกฯ แนะจับตาตัวเลข GDP สัปดาห์หน้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หุ้นไทยปิดตลาด +2.43 จุด โบรกฯ เผยหุ้นไทยไร้ปัจจัยใหม่เข้าหนุน หลังจากตลาดตอบรับตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ต่ำกว่าคาดหนุนธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ขึ้นดอกเบี้ยในอัตราชะลอลงในการประชุมเดือน ธ.ค.นี้ไปแล้ว แนะจับตาตัวเลข GDP และส่งออกของไทย รวมทั้งถ้อยแถลงประธานเฟดสาขาในสัปดาห์หน้า ประเมินกรอบดัชนีแนวรับ 1,600 จุด และแนวต้าน 1,630 จุด

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 18 พ.ย.2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยโดยปิดตลาดเพิ่มขึ้น +2.43 จุด หรือ +0.15% ปิดตลาดที่ 1,617.38 จุด มูลค่าการซื้อขาย 56,407.02 ล้านบาท ซึ่งภาพรวมการซื้อขายหุ้นไทยในวันนี้ดัชนีแกว่งตัวในแนวบวกเป็นส่วนใหญ่ ระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,622.03 จุด ขณะเดียวกัน ในทิศทางขาลงปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,610.75 จุด

ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 491 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 575 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 1,110 หลักทรัพย์

ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิกว่า +716.65 ล้านบาท และบัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า +26.17 ล้านบาท ในทางกลับกัน พบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -531.20 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -211.63 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.HANA มูลค่าการซื้อขาย 2,653.57 ล้านบาท ปิดที่ 50.50 บาท เพิ่มขึ้น 5.75 บาท
2.PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,355.27 ล้านบาท ปิดที่ 33.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
3.KCE มูลค่าการซื้อขาย 2,197.94 ล้านบาท ปิดที่ 51.25 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท
4.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,033.05 ล้านบาท ปิดที่ 62.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
5.AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,883.46 ล้านบาท ปิดที่ 74.00 บาท ลดลง 0.50 บาท

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.HANAปิดที่ 50.50 บาท เพิ่มขึ้น 5.75 บาท หรือ 12.85%
2.KCEปิดที่ 51.25บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท หรือ 7.33%
3.ADVANCปิดที่ 190.00บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท หรือ 1.60%
4.TOPปิดที่ 54.50บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 1.87%
5.PTTGCปิดที่ 47.25บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ 1.61%

ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.FORTHปิดที่ 37.75 บาท ลดลง 3.50 บาท หรือ 8.48%
2.CENTELปิดที่ 45.75 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 3.17%
3.EGCOปิดที่ 168.00 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 0.88%
4.JMARTปิดที่ 44.00 บาท ลดลง 1.25 บาท หรือ 2.76%
5.JMTปิดที่ 65.00 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 1.52%

ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,205.41 จุด เพิ่มขึ้น 0.57 จุด หรือ 0.03% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 981.62 จุด เพิ่มขึ้น 0.88 จุด หรือ 0.09% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 600.68 จุด ลดลง -10.23 จุด หรือ -1.67%

นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย (PI) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ เนื่องจากยังคงไร้ปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน หลังจากตอบรับตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ต่ำกว่าคาดหนุนธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ขึ้นดอกเบี้ยในอัตราชะลอลงในการประชุมเดือน ธ.ค.นี้ไปแล้ว ขณะที่การรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนของไทยสิ้นสุดไปแล้ว

สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าคาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบรอปัจจัยใหม่เข้ามาเพิ่มเติม โดยยังคงต้องติดตามตัวเลข GDP ไตรมาส 3/65 ของไทยที่ตลาดคาดว่าจะเติบโตได้ถึง 4.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และตัวเลขส่งออกเดือน ต.ค.65 คาดว่าจะเติบโต 5.2%

นอกจากนี้ ยังต้องติดตามประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาต่างๆ ที่จะทยอยออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ เพิ่มเติมด้วย โดยประเมินกรอบดัชนีแนวรับที่ 1,600 จุด และแนวต้านที่ 1,630 จุด


กำลังโหลดความคิดเห็น