บล.โกลเบล็ก ประกาศเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารสู่โครงสร้างแบบใหม่ แต่งตั้ง “นายปรัชญา กุลวณิชพิสิฐ” นั่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม (Co-CEO) เสริมทัพ พร้อมวางเป้าหมายขับเคลื่อนองค์กรสู่ตลาด “Global Trade” สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนสู่การต่อยอดความแข็งแกร่งในธุรกิจด้าน Securities และ Trading เพิ่มศักยภาพด้านการลงทุนผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Digital Investment)
บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประกาศเดินเกมรุก ขับเคลื่อนธุรกิจกับการทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) เพื่อยกระดับการแข่งขันให้กับธุรกิจ สู่การต่อยอดในการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ เพื่อตอบโจทย์การรองรับการทำธุรกิจทางการเงินและการลงทุนบนโลกดิจิทัลให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกฟังก์ชัน ล่าสุด แต่งตั้ง “นายปรัชญา กุลวณิชพิสิฐ” เสริมทัพตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม หรือ Co-CEO
นายธนพิศาล คูหาเปรมกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.โกลเบล็ก (GLOBLEX) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) เพื่อยกระดับการแข่งขันให้ธุรกิจสู่การต่อยอดในการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ ให้สามารถตอบโจทย์การรองรับการทำธุรกิจทางการเงินและการลงทุนบนโลกดิจิทัลให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกฟังก์ชันอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
บริษัทเล็งเห็นถึงการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อรองรับ Digital Processes ทั้งการให้บริการลูกค้าและการทำงานภายในเพื่อให้เกิดความรวดเร็วและแม่นยำ สอดรับกับการลงทุนในยุคปัจจุบัน และด้วยแผนการขับเคลื่อนองค์กรดังกล่าว ล่าสุด GLOBLEX ตั้งแต่ “นายปรัชญา กุลวณิชพิสิฐ” เข้ามาเสริมทัพตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม หรือ Co-CEO เพื่อสร้างโปรดักต์ใหม่ๆ ด้านการเงินให้มีความครบวงจร และสามารถตอบโจทย์การรองรับการทำธุรกิจทางการเงิน และการลงทุนบนโลกดิจิทัลให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกฟังก์ชันอย่างครบทุกมิติ
“การที่ตั้งแต่ Co-CEO ในครั้งนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเชื่อมต่อด้านการลงทุนให้สอดรับกับเทรนด์การลงทุนในยุคใหม่ได้อย่างลงตัว ซึ่งสอดรับกับนโยบายของบริษัทฯ ที่มุ่งเน้นในการพัฒนารูปแบบการให้บริการที่มีความหลากหลายด้านการลงทุน เพื่อรองรับความต้องการให้กลุ่มลูกค้าเดิม และต่อยอดในการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มใหม่ๆ ดังนั้นบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าการได้รับเกียรติจาก “นายปรัชญา กุลวณิชพิสิฐ” เข้ามานั่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมในครั้งนี้จะเป็นการช่วยนำพาองค์กรสู่การให้บริการด้านการลงทุนได้ครบทุกมิติมากยิ่งขึ้น”
นายปรัชญา กุลวณิชพิสิฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บล.โกลเบล็ก กล่าวเสริมว่า โดยส่วนตัวรู้สึกเป็นเกียรติที่มีส่วนร่วมในการเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บล.โกลเบล็ก สำหรับภารกิจสำคัญที่เข้ามาเสริมทัพ คือ การวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจ และแผนการพัฒนาการเติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainability Development) เพื่อขับเคลื่อนให้ บล.โกลเบล็ก ก้าวสู่ทศวรรษที่ 3 ได้ครบทุกมิติ โดยแผนการขับเคลื่อนในด้านต่างๆ ประกอบด้วย
1.การรักษาฐานลูกค้าเดิม ควบคู่กับการขยายไปยังฐานลูกค้าในกลุ่มใหม่ผ่านการสื่อสารต่างๆ ในทุกมิติ เพื่อให้ครอบคลุมด้านการบริการด้านการลงทุนมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการกระจายฐานรายได้ จากเดิมที่มีการพึ่งพารายได้จากค่าคอมมิชชัน ค่าธรรมเนียมการเป็นที่ปรึกษาระดมทุน ทั้งการขายหุ้นให้นักลงทุนทั่วไปครั้งแรก (IPO) และการออกหุ้นกู้ รวมทั้งการเพิ่มมูลค่าในส่วนของธุรกิจใหม่ๆ เช่น Wealth Management ซึ่งเน้นกับลูกค้ากลุ่ม High Net Worth การออกหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง หรือ Structured Note ซึ่งมุ่งเน้นลงทุนในหุ้นใน SET 50 ปัจจัยพื้นฐานดี
2.ด้านวาณิชธนกิจ ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทในเครือแคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ ที่ บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง ถือหุ้นร้อยละ 89.99 ซึ่งสามารถสร้างโอกาสการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และ 3.มองหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ เช่น Digital Asset Digital Token หรือแม้แต่การให้บริการ Block chain ผ่านระบบ AI ซึ่งทางโกลเบล็กมีการศึกษาความเป็นไปได้ของการลงทุนอย่างต่อเนื่อง และพร้อมเปิดกว้างด้านความร่วมมือกับ Premium Partners ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในด้านดิจิทัล ที่มีความพร้อมทั้งในด้านของโนว์ฮาว ทีมบุคลากร และโปรดักต์ใหม่ๆ เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลาย
“บล.โกลเบล็ก มีการพัฒนาการให้บริการด้านการลงทุนออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้ง GLOBLEX ROBOTRADE เป็นการสร้างและบริหารพอร์ตการลงทุนผ่านเทคโนโลยีระบบ AI มาช่วยบริหารพอร์ต และส่งคำสั่งซื้อขายแบบอัตโนมัติ ซึ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ และสามารถสร้างโอกาสการเติบโตให้บริษัทฯ ได้ในอนาคต”
อย่างไรก็ตาม Co-CEO บล.โกลเบล็ก กล่าวทิ้งท้ายว่า ช่วงปลายปีนี้ทางโกลเบล็กคาดว่าจะได้ข้อสรุปด้านการศึกษาความเป็นไปได้ในการให้บริการธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ต่างประเทศ (Global Trade) แบบ Fractional shares ทั้งนี้ หากแผนการศึกษาสำหรับจะเพิ่มโอกาสในการลงทุนของลูกค้าธุรกิจหลักทรัพย์ให้สามารถกระจายการลงทุนไปยังหุ้นต่างประเทศได้ และยังเป็นการเปิดโอกาสในการได้รับอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงขึ้น จากปัจจุบันที่มีบัญชีลูกค้าเคลื่อนไหวกว่า 7,000 บัญชี รวมถึงสามารถกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนมากขึ้น