บีซีไอฯ พร้อมเปิดให้บริการหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์ผ่านบล็อกเชน (eLG) หลัง ธปท.ไฟเขียวให้ออกจาก Sandbox ตั้งธงรุกหนักกวาดยอดธุรกรรมครึ่งตลาดเข้าระบบ eLG ภายในปีนี้ รวมมูลค่าธุรกรรมกว่า 2 แสนล้านบาท ชี้จุดเด่นความสะดวกรวดเร็ว ลดเวลา-ขั้นตอนทำงาน แย้มแผนต่อไปลุยปั้นบริการออกหนังสือรับรองผ่านบล็อกเชน
นายกึกก้อง รักเผ่าพันธุ์ ประธานกรรมการ บริษัท บีซีไอ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บีซีไอฯ เป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นภายใต้ความร่วมมือของธนาคารพาณิชย์ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารทหารไทยธนชาต เพื่อศึกษาเทคโนโลยีบล็อกเชนและร่วมกันพัฒนา Infrastructure Blockchain ทางการเงิน โดยบีซีไอฯ ได้พัฒนาบริการหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน หรือ eLG (Electronic Letter of Guarantee on Blockchain) เป็นบริการแรกโดยเข้าใจถึงความต้องการของผู้ใช้งานจริงนำเอาเทคโนโลยีมาช่วยแก้ปัญหา ยกระดับการให้บริการ eLG ช่วยให้การทำธุรกรรมที่จำเป็นต้องมีการวางหลักทรัพย์ค้ำประกัน สามารถดำเนินการได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการทำงาน และยังมั่นใจได้เรื่องความปลอดภัย สามารถตรวจสอบเอกสารได้อย่างรวดเร็วผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ 100% ตลอด 24 ชั่วโมง
กล่าวคือ จุดเด่นของบริการ eLG อยู่ที่การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยปรับเปลี่ยนให้การทำธุรกรรมสะดวก รวดเร็ว และลดขั้นตอนการทำงานลง แม้ในช่วงที่เกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่การทำธุรกรรมต่างๆ ดำเนินไปได้อย่างยากลำบาก บริการ eLG ยังคงช่วยให้การดำเนินธุรกิจไม่สะดุด โดยสามารถออกหรือคืนหนังสือค้ำประกันผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้รวดเร็วกว่าเดิมหลายเท่า จึงเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่บีซีไอฯ ได้พัฒนาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยตอบโจทย์ทางการการเงินและธุรกิจให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เรามีพันธมิตรสำคัญช่วยสนับสนุน เช่น กรมบัญชีกลาง ได้ใช้หนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการเสนอราคาของภาครัฐ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ที่ได้ร่วมผลักดันและขยายการใช้บริการงานหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์ครอบคลุมทั่วประเทศไทย นอกจากนี้ ยังรวมถึงภาคเอกชนชั้นนำของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเครือปูนซิเมนต์ไทย กลุ่มบริษัท ปตท. และอื่นๆ อีกมาก
ทั้งนี้ โดยปัจจุบัน eLG ได้ผ่านการทดสอบนวัตกรรมใน Regulatory Sandbox ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แล้วอย่างเป็นทางการ ซึ่งเปรียบเสมือนบททดสอบสำคัญเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ใช้บริการ eLG จะสามารถใช้งานได้อย่างมีเสถียรภาพและปลอดภัย บีซีไอฯ จึงมีความพร้อมที่จะเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบแก่หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และธุรกิจเอกชน โดยคาดว่า บีซีไอฯ จะสามารถขยายขีดความสามารถในการให้บริการจนครอบคลุมหนังสือค้ำประกันกว่า 50% ของตลาดได้ภายในปี 2565 หรือคิดเป็นประมาณธุรกรรมกว่า 80,000 รายการ มูลค่ารวมกว่า 2 แสนล้านบาท และมีเป้าหมายที่จะครอบคลุมกว่า 80% ของหนังสือค้ำประกันในประเทศได้ภายในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ บีซีไอฯ ยังคงมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและต่อยอดเทคโนโลยีไปสู่บริการทางการเงินใหม่ๆ ต่อไป ล่าสุด บีซีไอฯ อยู่ระหว่างการพัฒนาบริการหนังสือรับรองอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบบล็อกเชน (Electronic Confirmation on Blockchain หรือ eBC) ซึ่งเป็นโครงการที่ต่อยอดองค์ความรู้จากประสบการณ์ในการให้บริการ ประสานความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ธนาคารแห่งประเทศไทย สภาวิชาชีพบัญชี รวมทั้งสำนักงานผู้ตรวจบัญชีชั้นนำ สถาบันทางการเงิน และภาคส่วนองค์กรต่างๆ เพื่อให้ข้อคิดเห็นและร่วมออกแบบการทำงานของโครงการ โดยบริการนี้จะเริ่มต้นนำร่องด้วยหนังสือรับรองทางการเงินของธนาคาร (Bank Confirmation) ในระยะแรก ก่อนจะขยายไปยังหนังสือรับรองประเภทอื่นๆ เพิ่มเติมในอนาคต ซึ่งบริการนี้จะช่วยลดระยะเวลาในขั้นตอนการขอหนังสือรับรองทางการเงินต่างๆ อีกทั้งยังได้ข้อมูลที่ครบถ้วน น่าเชื่อถือ ช่วยให้การตรวจสอบบัญชีมีความถูกต้อง ครบถ้วน รวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยมีแผนนำร่องเปิดให้บริการ eBC ดังกล่าว ในไตรมาส 2 ปี 2566 ที่จะถึงนี้
นายสิริวัฒน์ เกียรติเจริญสิน ผู้จัดการใหญ่ บีซีไอฯ กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันมีสถาบันการเงินที่ให้บริการแพลตฟอร์มของบีซีไอฯ กว่า 19 แห่ง เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของหน่วยงานภาครัฐ และองค์กรรัฐวิสาหกิจ รวมถึงภาคธุรกิจเอกชนชั้นนำ ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจเป้าหมายมากกว่า 170 องค์กร และยังมีหน่วยงานต่างๆ ที่สนใจทยอยเข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง