ราคา Terra Luna Classic ลดลง 0.8% ใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สู่ $0.00023023 ซึ่งแสดงถึงการลดลง -13% ภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์และการลดลง -20% ในรอบ 2 สัปดาห์ โดย LUNC ยังคงเห็นการสไลด์ตัวลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากการชุมนุมเมื่อเดือนที่แล้วซึ่งได้แรงหนุนจากการเบิร์นโทเค็นใหม่
จากมุมมองของ Cryptonews.com ซึ่งได้ออกรายงานเชิงวิเคราห์ภาพรวมตลาดคริปโตและทางเลือกการลงทุนในเหรียญคริปโตที่น่าสนใจ โดย ณ ตอนนี้ ตลาดคริปโตโฟกัสไปที่ประเด็นการลดหย่อนภาษีและค่าธรรมเนียมการซื้อขายของ Binance ซึ่งดูเหมือนจะลดลง โดยเฉพาะในส่วนของเหรียญ LUNC เท่านั้น ซึ่งลดลดไปกว่า 22,979% จากระดับต่ำสุดตลอดกาลที่ $0.000000999967 โดยหากย้อนกลับไปในเดือนพฤษภาคมเมื่อ Terra ทรุดตัวลงอย่างน่าประหลาดใจ ซึ่งการขยับตัวครั้งนี้อาจดูเหมือนเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่นักลงทุนต้องไม่ลืมว่าในช่วงต้นเดือนกันยายน ราคาเพิ่มขึ้นถึง 57,000% จากระดับต่ำสุดตลอดกาล ซึ่งบ่งชี้ว่าราคาก็ลดลงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งแม้ว่าจะมีราคาที่ปรับเพิ่มขึ้นมากว่า 57,000% แต่ด้วยมูลค่าเฉลี่ยของเหรียญที่มีจึงทำให้เป็นไปได้ว่าอาจใช่เวลาอีกหลายปีถึงจะปรับตัวขึ้นมาแตะ $1 แม้ว่าจะต้องมีการเบิร์นเหรียญอย่างหนักเป็นเวลาต่อเนื่องกันก็ตาม
อย่างไรก็ตาม มี altcoin อื่นๆ ที่ผู้สร้างสัญญาว่าจะให้ผู้ค้าและนักลงทุนได้รับผลกำไรที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย และทั้งหมดนี้ไม่เคยประสบกับความล้มเหลวที่รุนแรงในระดับของ Terra ซึ่งรวมถึง Dash 2 Trade, IMPT และ Calvaria ซึ่งทั้งหมดกำลังผ่านการขายล่วงหน้าในขณะนี้ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนมีส่วนร่วมตั้งแต่เนิ่นๆ
3 เหตุผลที่ราคา Terra Luna Classic ร่วงไปที่ $0
เป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่า LUNC ได้เห็นจุดพีคของการล่มสลายแล้ว และตอนนี้สิ่งที่ต้องตั้งตารอก็คือการลดลงอีกครั้ง (แม้ว่าจะในระยะยาว)
ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (สีม่วง) อ่อนตัวลงเกือบตลอดเดือนตุลาคม โดยส่วนใหญ่อยู่ต่ำกว่า 50 จุด ซึ่งเป็นสัญญาณขายเกินและขาดโมเมนตัม มุมมองที่ได้รับการสนับสนุนจากค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 30 วัน (สีแดง) ของ LUNC ซึ่งยังคงดำเนินต่อไป จมต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 200 วัน (สีน้ำเงิน)
โดยพื้นฐานแล้ว ตัวบ่งชี้ของ LUNC ยังคงแสดง altcoin ที่ลดลง โดยแทบไม่มีการแนะนำให้มีการฟื้นตัวหรือการรีบาวด์เข้ามา
นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้นักลงทุนถอดใจพอๆ กันคือข้อเท็จจริงที่ว่าแม้ว่า Binance จะยังคงเก็บค่าธรรมเนียมการซื้อขายต่อไป แต่ LUNC ก็ยังไม่เห็นการฟื้นตัวแบบที่เห็นในเดือนกันยายนเมื่อมีการประกาศการเผาเหรียญครั้งแรก ซึ่งวิธีหนึ่งในหลักการเรียกคืนความเชื่อมั่นและผลักดันราคาให้ฟื้นตัวขึ้นมา คือการประกาศการเผาเหรียญนั้น จะสร้างความคาดหวังว่าราคาจะขึ้นสูงสำหรับ LUNC แต่การเผาเหรียญนั้นยังถือว่าไม่มากพอที่จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อราคาของเหรียญให้พลิกฟื้นขึ้นมาได้
ขณะที่ตามเว็บไซต์ออนไลน์ของ LUNC Burner ที่ติดตามการเผาเหรียญระบุว่าจนถึงปัจจุบัน มีการเผาไหม้ LUNC ทั้งหมด 24 พันล้านรายการ นี่อาจดูเหมือนจำนวนมาก แต่จำไว้ว่าอุปทานหมุนเวียนทั้งหมดของเหรียญนั้นสูงถึง 6.9 ล้านล้าน และหากเทียบกันแล้วส่วนที่เผาออกไปนั้น จึงเป็นเพียงเศษเสี้ยวของเหรียญที่มีหมุนเวียนในระบบนั่นเอง การผลักดันราคาให้กลับมาสู่จุดเดิม จึงอาจใช้เวลาอีกนานหลายสิบปีก็เป็นได้
ยิ่งไปกว่านั้น LUNC ยังต้องจำใจได้ยากในการยอมรับความจริงที่ว่า นักลงทุนไม่มีเหตุผลพื้นฐานใดๆที่จะซื้อเหรียญอีกต่อไป จากวัตถุประสงค์หลักเพื่อสนับสนุนราคาของ Stablecoin USTC (ก่อนหน้านี้คือ UST) ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว เนื่องจากไม่มีผู้ค้ารายใดที่มีเหตุผลในการที่จะไว้วางใจ USTC ว่าเป็น Stablecoin
ดังนั้น นอกเหนือจากความคาดหวังที่คลุมเครือเกี่ยวกับการเผาไหม้โทเค็นแล้ว ไม่มีอะไรสนับสนุนหรือผลักดันราคาของ LUNC เลย นี่จึงเป็นเหตุผลสรุปถึงความไม่คุ้มค่าอะไรเลยในการถือครองเหรียญ LUNC ต่อไป