xs
xsm
sm
md
lg

ลงทะเบียน "บัตรคนจน" ทะลุ 21 ล้าน คลังย้ำตรวจสอบเข้มข้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โค้งสุดท้ายลงทะเบียน "บัตรคนจน" รอบใหม่ ปี 2565 ล่าสุดทะลุ 21 ล้านราย ปิดรับสมัคร 31 ต.ค.นี้ คลังย้ำตรวจสอบคุณสมบัติเข้มงวดมากขึ้น ระบุยอดเพิ่มกว่าเดิมเนื่องจากโควิดทำให้รายได้ลดลง หรือไม่มีรายได้เลย

วันนี้ (17 ต.ค.) นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการลงทะเบียน "บัตรคนจน" หรือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รอบใหม่ ปี 2565 ว่า จากการประเมินยอดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน ในปีงบประมาณ 2565 ยอดลงทะเบียนเริ่มชะลอตัวแล้ว คาดว่าทรงตัวที่ 21 ล้านคน

ทั้งนี้ กระทรวงคลังจะปิดรับลงทะเบียนวันที่ 31 ต.ค.นี้ ข้อมูลล่าสุดวันที่ 16 ต.ค.2565 ยอดลงทะเบียนทั้งสิ้น 21.45 ล้านคน เป็นการลงทะเบียน 2 ช่องทางดังนี้

ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ 11.56 ล้านคน
ลงทะเบียนผ่านหน่วยงานรัฐต่างๆ 11.56 ล้านราย

นายพรชัย กล่าวอีกว่า ตัวเลขยอดลงทะเบียนดังกล่าวจะต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติในภาพรวมอีกครั้ง ซึ่งการลงทะเบียนครั้งนี้เรามีการตรวจสอบที่เข้มข้นขึ้น โดยนำรายได้ของครอบครัวมาคำนวณด้วย

“เรายังบอกไม่ได้ว่าตัวเลขผู้ที่จะได้รับสิทธินั้นมีจำนวนเท่าใด เพราะต้องนำมาตรวจสอบคุณสมบัติที่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดด้วย ส่วนที่มองว่าตัวเลขผู้มีสิทธิอาจจะเพิ่มขึ้นจากเดิมที่อยู่กว่า 10 ล้านคนนั้น มีความเป็นไปได้ เพราะมีหลายปัจจัยเข้ามา โดยเฉพาะโควิด ซึ่งทำให้คนมีรายได้น้อยลงหรือไม่มีรายได้เลย”

ทั้งนี้ ปัญหาการลงทะเบียน "บัตรคนจน" ที่ผ่านมาพบปัญหากรณีที่มีคู่สมรส แต่ไม่สามารถติดตามคู่สมรสลงนามในแบบฟอร์มการลงทะเบียนตามโครงการฯ ซึ่งมีประชาชนอยู่ในข่ายนี้ประมาณ 1 แสนราย ซึ่ง ครม. อนุมัติการแก้ไขปัญหาตามที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม (คณะกรรมการฯ) ในฐานะหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 (โครงการฯ) เสนอ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1.กลุ่มของผู้ลงทะเบียนที่ไม่สามารถติดตามคู่สมรส แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่

ผู้ลงทะเบียนกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ ผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป นับถึงวันที่ 19 ตุลาคม 2565) ผู้พิการ และผู้ป่วยติดเตียง ที่ไม่สามารถติดตามคู่สมรสมาเพื่อดำเนินการหย่าตามกฎหมายได้

ผู้ลงทะเบียนกลุ่มทั่วไป ได้แก่ ผู้ลงทะเบียนที่มีอายุต่ำกว่า 60 ปี ที่ไม่สามารถติดตามคู่สมรสได้

2.แนวปฏิบัติสำหรับผู้ลงทะเบียนที่ไม่สามารถติดตามคู่สมรสได้

ผู้ลงทะเบียนกลุ่มเปราะบาง จะต้องดำเนินการโดยยื่นแบบฟอร์มลงทะเบียน พร้อมหนังสือประกอบการพิจารณาเข้าร่วมโครงการฯ โดยต้องลายมือชื่อของผู้ลงทะเบียน ลายมือชื่อของพยานรับรองจำนวน 2 คน รวมถึงต้องมีการลงนามรับรองจากเจ้าหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยในพื้นที่เป็นผู้รับรองว่า ผู้ลงทะเบียนเป็นบุคคลที่ไม่สามารถติดตามคู่สมรสมาเพื่อดำเนินการหย่าตามกฎหมายได้ เอกสารประกอบการลงทะเบียนอื่นๆ (กรณีมีบุตรอายุต่ำกว่า 18 ปี) และผู้ลงทะเบียนจะต้องนำเอกสารทั้งหมดไปยื่น ณ หน่วยงานรับลงทะเบียน โดยเจ้าหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยในพื้นที่ ได้แก่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอหรือผู้ที่นายอำเภอมอบหมาย รวมถึงพนักงานเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองและเทศบาลนครในพื้นที่ เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตที่ผู้อำนวยการเขตมอบหมาย เจ้าหน้าที่สำนักทะเบียนท้องถิ่นเมืองพัทยา

หากผู้ลงทะเบียนกลุ่มเปราะบางผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติซึ่งกระทรวงการคลังจะประกาศให้ทราบต่อไปผู้ลงทะเบียนจะสามารถใช้สิทธิตามโครงการฯ ได้ โดยต้องไปยืนยันตัวตน ณ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารออมสินได้ตั้งแต่วันที่ประกาศผลผู้ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ (ภายในระยะเวลา 180 วัน) และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทยฯ) (ไม่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุด)

ผู้ลงทะเบียนกลุ่มทั่วไป จะต้องดำเนินการโดยยื่นแบบฟอร์มการลงทะเบียน พร้อมหนังสือประกอบการพิจารณาเข้าร่วมโครงการฯ โดยต้องลายมือชื่อของผู้ลงทะเบียน ลายมือชื่อของพยานรับรองจำนวน 2 คน และเอกสารประกอบการลงทะเบียนอื่นๆ (กรณีที่มีบุตรอายุต่ำกว่า 18 ปี) และผู้ลงทะเบียนจะต้องนำเอกสารทั้งหมดไปยื่น ณ หน่วยงานรับลงทะเบียน

ทั้งนี้ หากผู้ลงทะเบียนกลุ่มทั่วไปผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ ผู้ลงทะเบียนจะต้องนำใบสำคัญการหย่าหรือเอกสารอื่นใดที่คณะกรรมการฯ กำหนดมาแสดงและยืนยันตัวตน ณ ธ.ก.ส. และธนาคารออมสิน ได้ตั้งแต่วันที่ประกาศผลผู้ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ (ภายในระยะเวลา 180 วัน) และธนาคารกรุงไทยฯ (ไม่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุด) จึงจะสามารถใช้สิทธิตามโครงการฯ ได้ โดยผู้ลงทะเบียนกลุ่มทั่วไปจะต้องนำใบสำคัญการหย่าหรือเอกสารอื่นใดที่คณะกรรมการฯ กำหนดมาแสดงให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปีนับตั้งแต่วันที่ประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติจึงจะสามารถใช้สิทธิตามโครงการฯ ได้

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถดาวน์โหลดหนังสือประกอบการพิจารณาเข้าร่วมโครงการฯ ได้จากเว็บไซต์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือคลิกที่นี่ หรือติดต่อขอรับจากหน่วยงานรับลงทะเบียนทุกหน่วยทั่วประเทศ

โฆษกกระทรวงการคลัง ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินการสำหรับผู้ลงทะเบียนโครงการฯ ที่ไม่สามารถติดตามคู่สมรสได้ และเป็นประโยชน์แก่ผู้ลงทะเบียนที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการฯ คณะกรรมการฯ ได้เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการลงทะเบียนจาก “วันที่ 5 กันยายน-19 ตุลาคม 2565” เป็น “วันที่ 5 กันยายน-31 ตุลาคม 2565” และผู้ลงทะเบียนจะสามารถตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน โดยมีรายละเอียดการประกาศผล ดังนี้ (ตามภาพประกอบ)

ทั้งนี้ ประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมโครงการฯ สามารถศึกษารายละเอียดการดำเนินโครงการฯ เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือคลิกที่นี่

สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง โทร.09-4858-9794 (เวลาทำการ 08.30-16.30 น.)

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร.0-2273-9020 ต่อ 3502, 3503, 3506, 3536, 3542, 3518 หรือโทร.08-5842-7102, 08-5842-7103, 08-5842-7104, 08-5842-7105, 08-5842-7106, 08-5842-7107 (เวลาทำการ 08.30-16.30 น.)

ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โทร.0-2109-2345 (เวลาทำการ 08.30-17.30 น.)
กำลังโหลดความคิดเห็น