นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า วันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2565 เป็นการประกาศผล “สถานะการลงทะเบียน” ของโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ (โครงการฯ) ปี 2565 ข้อมูลผู้ที่ลงทะเบียนในระหว่างวันที่ 9-15 กันยายน 2565 พบว่า ผู้ที่ลงทะเบียนที่มีสถานะแสดงข้อความว่า “กระทรวงการคลังได้รับข้อมูลการลงทะเบียนของท่านครบถ้วนแล้ว” มีจำนวนทั้งสิ้น 5,157,451 ราย และเมื่อตรวจสอบข้อมูลกับกรมการปกครองแล้ว พบว่า มีผู้ผ่านการตรวจสอบข้อมูลกับกรมการปกครอง จำนวนทั้งสิ้น 4,531,982 ราย โดยผู้ลงทะเบียนกลุ่มดังกล่าวตรวจสอบสถานะการลงทะเบียนจะพบข้อความว่า “สถานะการลงทะเบียนสมบูรณ์” ซึ่งผู้ลงทะเบียนกลุ่มดังกล่าวไม่ต้องดำเนินการใดๆ ในช่วงนี้ โดยขอให้รอผลการตรวจสอบคุณสมบัติอีกครั้ง ซึ่งจะประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติดังกล่าวในช่วงเดือนมกราคม 2566 ทั้งนี้ สำหรับผู้ลงทะเบียนอีก 625,469 ราย ที่พบข้อความว่า “สถานะการลงทะเบียนไม่สมบูรณ์” เนื่องจากข้อมูลของผู้ลงทะเบียนไม่ตรงตามฐานข้อมูลของกรมการปกครอง ระบบจะขึ้นข้อความแสดงโดยระบุสาเหตุของการลงทะเบียนไม่สมบูรณ์ ดังนี้
1) ผู้ลงทะเบียนเป็นพระภิกษุ/สามเณร/แม่ชี
2) ไม่พบข้อมูลของผู้ลงทะเบียน
3) สถานภาพบุคคลของผู้ลงทะเบียนไม่ถูกต้อง มีสถานะเสียชีวิต หรือย้ายไปต่างประเทศ หรือจำหน่าย
4) ผู้ลงทะเบียนไม่ได้มีสัญชาติไทย
5) ผู้ลงทะเบียนมีอายุต่ำกว่า 18 ปี หรือรูปแบบวันเดือนปีเกิดไม่ถูกต้อง
6) ผู้ลงทะเบียนมีคู่สมรส
7) ผู้ลงทะเบียนแจ้งข้อมูลคู่สมรสไม่ถูกต้อง
8) ผู้ลงทะเบียนแจ้งจำนวนบุตรครบถ้วน แต่หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนของบุตรไม่ถูกต้อง
9) ผู้ลงทะเบียนแจ้งจำนวนบุตรไม่ครบถ้วน โปรดตรวจสอบจำนวนบุตรและข้อมูลเลขบัตรประชาชนของบุตรทุกราย
ผู้ลงทะเบียนที่มี “สถานะการลงทะเบียนไม่สมบูรณ์” สามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้ ณ ที่ว่าการอำเภอ/สำนักงานเขต หากพบว่าข้อมูลไม่ถูกต้องขอให้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้อง หรือหากพบว่าข้อมูลที่ลงทะเบียนไม่ตรงกับข้อมูลทะเบียนราษฎร เช่น จำนวนบุตรที่อายุต่ำกว่า 18 ปี มีจำนวนมากกว่าข้อมูลบุตรที่ลงทะเบียนไว้ กรณีดังกล่าว หากเป็นผู้ที่ลงทะเบียนที่หน่วยงานรับลงทะเบียนจะต้องติดต่อขอแก้ไขข้อมูล ณ หน่วยงานรับลงทะเบียนที่ผู้ลงทะเบียนได้ยื่นแบบฟอร์มลงทะเบียนไว้เท่านั้น และสำหรับผู้ที่ลงทะเบียนด้วยตนเองผ่านเว็บไซต์ สามารถติดต่อขอแก้ไขข้อมูลที่หน่วยงานรับลงทะเบียนใดก็ได้ โดยจะต้องแก้ไขให้แล้วเสร็จภายในวันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน 2565
สำหรับผู้ลงทะเบียนที่ลงทะเบียนระหว่างวันที่ 16-22 กันยายน 2565 โดยสถานะการลงทะเบียนแสดงข้อความว่า “กระทรวงการคลังได้รับข้อมูลการลงทะเบียนของท่านครบถ้วนแล้ว” หรือผู้ลงทะเบียนระหว่างวันที่ 5-8 กันยายน 2565 ที่มี “สถานะการลงทะเบียนไม่สมบูรณ์” และได้ดำเนินการแก้ไขข้อมูลแล้วตั้งแต่วันที่ 16-22 กันยายน 2565 สามารถตรวจสอบสถานะการลงทะเบียนได้ในวันศุกร์ที่ 30 กันยายน 2565 เป็นต้นไป ผ่านเว็บไซต์หรือให้หน่วยงานรับลงทะเบียนเป็นผู้ตรวจสอบโดยกรอกหมายเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก และวันเดือนปีเกิด
ความคืบหน้าการเปิดรับลงทะเบียนโครงการฯ ปี 2565 ตั้งแต่วันที่ 5-23 กันยายน 2565 ณ เวลา 15.00 น. มีประชาชนลงทะเบียนแล้วทั้งสิ้น 17,364,073 ราย โดยเป็นการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ 9,536,201 ราย และลงทะเบียนผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียน 7,827,872 ราย
โฆษกกระทรวงการคลังได้กล่าวย้ำว่า จำนวนตัวเลขผู้ลงทะเบียนข้างต้นเป็นเพียงจำนวนผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ เท่านั้น แต่จะต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติตามโครงการฯ อีกครั้งหนึ่ง นอกจากนี้ การลงทะเบียนตามโครงการฯ ปี 2565 เป็นการลงทะเบียนรายบุคคล (ผู้ลงทะเบียน) และตรวจสอบรายบุคคลและครอบครัว โดยขั้นตอนแรกจะมีการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนตามคุณสมบัติที่กำหนดไว้ (เกณฑ์บุคคล) หากผู้ลงทะเบียนผ่านการตรวจสอบตามเกณฑ์บุคคลโดยมีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ จะมีการตรวจสอบคุณสมบัติของเกณฑ์ครอบครัว (ในกรณีที่มีคู่สมรสหรือบุตร) ซึ่งหากพบว่า ผู้ลงทะเบียนไม่ผ่านการตรวจสอบตามเกณฑ์ครอบครัวจะถือว่าผู้ลงทะเบียนไม่ผ่านคุณสมบัติ และผู้ลงทะเบียนจะไม่ได้รับสิทธิตามโครงการฯ ทั้งนี้ ประชาชนสามารถดูรายละเอียดการดำเนินโครงการฯ เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th
สำหรับการดำเนินโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นการดำเนินการภายใต้พระราชบัญญัติการจัดประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม พ.ศ.2562 ซึ่งเป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์ในการลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มศักยภาพให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ตลอดจนสนับสนุนโครงการที่ให้บริการทางสังคมแก่ประชาชน อันจะเป็นการแก้ไขปัญหาและพัฒนาเศรษฐกิจให้เป็นไปอย่างยั่งยืน ซึ่งโครงการดังกล่าวมีความสำคัญในการจัดสรรสวัสดิการให้ประชาชนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ในการลดภาระและบรรเทาค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของผู้มีรายได้น้อยให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างเท่าเทียม โดยโครงการฯ ได้รับการพิสูจน์จากอดีตที่ผ่านมาแล้วว่าเป็นโครงการฯ ที่เป็นประโยชน์และสามารถช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยได้อย่างแท้จริง ซึ่งกระทรวงการคลังคาดหวังว่าโครงการดังกล่าวจะยังคงสามารถช่วยเหลือและเป็นประโยชน์ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยได้ต่อไป