xs
xsm
sm
md
lg

แรงขายกดดันดัชนี-ตลาดแกว่งผันผวน ฉุดหุ้นไทยปิด -2.86 จุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หุ้นไทยปิด -2.86 จุด โบรกฯ ชี้ SET INDEX ติดลบจากแรงขายทำกำไร แนะจับตาการประชุมโอเปกพลัสในสัปดาห์หน้า เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนสูง ในการปรับเพิ่มและปรับลดกำลังการผลิต ซึ่งจะเป็นปัจจัยชี้นำในเรื่องของอัตราเงินเฟ้อสหรัฐ โดยประเมินกรอบดัชนีแนวรับที่ 1,576 จุด และแนวต้านที่ 1,615 จุด

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 30 ก.ย. 2565 ปรับตัวลดลง -2.86 จุด หรือ -0.18% โดยปิดตลาดที่ 1,589.51 จุด มูลค่าการซื้อขาย 62,649.20 ล้านบาท โดยภาพรวมการซื้อขายหุ้นวันนี้ เกิดแรงกดดดันให้นักลงทุนเทขายหุ้นจนดัชนีปรับตัวลงในแดนลบช่วงบ่ายโดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,597.44 จุด ขณะเดียวกันก็ปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,584.22 จุด

ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 560 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 579 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 993 หลักทรัพย์

ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +2,243.71 ล้านบาท และ บัญชี บล. ซิื้อสุทธิกว่า +352.70 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิกว่า -1,388.95 ล้านบาท และ นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -1,207.46 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.TEGH มูลค่าการซื้อขาย 4,101.44 ล้านบาท ปิดที่ 5.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท
2.DELTA มูลค่าการซื้อขาย 2,672.05 ล้านบาท ปิดที่ 654.00 บาท ลดลง 6.00 บาท
3.PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,580.97 ล้านบาท ปิดที่ 34.00.บาท ลดลง 0.25 บาท
4.AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,518.12 ล้านบาท ปิดที่ 72.50 บาท ลดลง 0.50 บาท
5.BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,780.78 ล้านบาท ปิดที่ 136.50 บาท ลดลง 1.50 บาท

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BH ปิดที่ 227.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท หรือ 1.34%
2.CENTEL ปิดที่ 49.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ1.55%
3.MAJOR ปิดที่ 17.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท หรือ3.51%
4.MINT ปิดที่ 26.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 1.92%
5.OSP ปิดที่ 27.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 1.87%

ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BBL ปิดที่136.50 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 1.09%
2.KKP ปิดที่ 68.75 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 1.43%
3.ISCO ปิดที่ 92.75 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 1.07%
4.BLA ปิดที่33.75 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ 2.17%
5.FORTHปิดที่50.75 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ 1.46%

ส่วนดัชนี SET100 ปิดที่ 2,151.00 จุด ลดลง -4.00 จุด หรือ -0.19% ดัชนี SET50 ปิดที่ 954.44 จุด ลดลง -2.29 จุด หรือ -0.24% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 653.29 จุด เพิ่มขึ้น 0.12 จุด หรือ 0.02%

นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ผันผวน หลังจากรีบาวด์ขึ้นในช่วงบ่ายสอดคล้องกับตลาดหุ้นดาวโจนส์ฟิวเจอร์ที่ฟื้นตัวกลับขึ้นมาบ้าง หลังดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเริ่มเป็นลักษณะของการปรับตัวลง สะท้อนการผ่อนคลายมากขึ้น แต่หลังจากนั้นได้ลดช่วงบวกลงจนมาติดลบจากแรงขายทำกำไร

ขณะที่ประเด็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังไม่สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากยังดำรงตำแหน่งไม่ครบวาระ 8 ปีตามที่รัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ.2560 กำหนดไว้ เพราะให้เริ่มนับการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตั้งแต่รัฐธรรมนูญประกาศใช้ปี พ.ศ.2560 มองว่าตลาดไม่ได้ตอบรับมากนัก เนื่องจากไม่ว่าคำตัดสินจะออกมาในรูปแบบใดก็จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในปีหน้า

สำหรับแนวโน้มในสัปดาห์หน้า คาดตลาดฯ รีบาวด์ หลังรับรู้ความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปพอสมควรแล้ว รวมถึงดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐก็อ่อนตัวลงมา ทำให้แรงกดดันของค่าเงินในโซนเอเชียผ่อนคลายขึ้นมาได้บ้าง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ อายุ 10 ปี เริ่มปรับตัวลง ทำให้เม็ดเงินที่อยู่ในสินทรัพย์ปลอดภัย อย่าง ดอลลาร์สหรัฐเริ่มเข้าหาสินทรัพย์อื่นบ้างแล้ว โดยรวมตลาดหุ้นมีโอกาสฟื้นขึ้นบ้างในช่วงสั้น อย่างไรก็ตามแนะนำนักลงทุนให้ติดตามการประชุมโอเปกพลัส ในสัปดาห์หน้า เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนสูง ในการปรับเพิ่มและปรับลดกำลังการผลิต ซึ่งจะเป็นปัจจัยชี้นำในเรื่องของอัตราเงินเฟ้อสหรัฐ โดยประเมินกรอบการลงทุนให้แนวรับ 1,576 จุด และแนวต้าน 1,615 จุด


กำลังโหลดความคิดเห็น