"แก๊งมาเฟียคริปโตรัสเซีย" หนีไม่รอด ตำรวจสายสืบตามรวบได้ถึงแหล่งกบดานที่บ้านพักใน จ.ชลบุรี พร้อมของกลางรถตู้สีดำที่ใช้เป็นยานพาหนะในการก่อเหตุ พร้อมขยายผลออกหมายจับเพิ่มเชื่อมโยงกลุ่มอาชญากรรมหลายเชื้อชาติ
เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ นายเอฟกีนี่ อับดุลลิน (MR.EVGENll ABDULLIN) อายุ 31 ปี สัญชาติรัสเซีย พร้อมภรรยา ผู้เสียหาย ได้เข้ามา แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุด จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา ว่า ขณะนั่งดื่มกาแฟภายในร้านการแฟแห่งหนึ่งบนเกาะสมุย ได้ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ชาวต่างชาติ จำนวน 6 คน เข้ามาข่มขู่กรรโชกทรัพย์ให้ผู้เสียหายโอนสกุลเงินดิจิทัล หรือคริปโตเคอร์เรนซีของผู้เสียหาย คิดเป็นมูลค่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเงินไทยประมาณ 1.878 ล้านบาท แล้วคนร้ายได้ใช้รถตู้สีดำ รถจักรยานยนต์ ขับหลบหนีไป โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ 15 กันยายนที่ผ่านมา
ซึ่งหลังจากที่เกิดเหตุทางผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความต่อ สภ.สมุย โดยทางด้าน พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.8 ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภาค 8 และ พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พร้อมกำลังเจ้า หน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะสมุย และ สภ.บ่อผุด ร่วมกับ ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 ชุดสืบสวนภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตลอดจนตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี ชุดสืบสวนตำรวจท่องเที่ยว ลงพื้นที่สืบสวนหาข่าวและเร่งติดตามจับกุมตัวกลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้มาดำเนินคดี โดยพนักงานสอบสวน สภ.เกาะสมุย ได้ขออำนาจศาลจังหวัดเกาะสมุย อนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจำนวน 6 ราย
ต่อมาหลังจากที่ได้ทางตำรวจสืบสวนได้มีการสืบทราบจากข้อมูลของตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ว่าสามารถจับกุมคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุได้ 1 คน ทราบชื่อคือ นายอันเดรย์ นิจโกรอดต์ (MR.ANDREY NIZHEGORODTSEV) อายุ 37 ปี สัญชาติคาซัคสถาน โดยจับกุมได้ที่บ้านพักใน จ.ชลบุรี พร้อมของกลางรถตู้สีดำที่ใช้เป็นยานพาหนะในการก่อเหตุ และนำตัวขึ้นเครื่องบินมาทำการสอบปากคำที่ สภ.เกาะสมุย ขณะที่ พ.ต.ต.วรรณชัย สุขแจ่ง สว.ป.สภ.บ่อผุด ได้เข้าจับกุมผู้ต้องหาอีกราย โดยได้เข้าควบคุมตัว นายโอเล ยาโรเชนโก (MR.OLEH YAROSHENKO) อายุ 35 ปี สัญชาติยูเครน ได้ที่วิลล่าแห่งหนี่งในพื้นที่บ้านปลาย แหลม ม.5 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย พร้อมตรวจยึดรถยนต์เอนกประสงค์ 7 ที่นั่ง 1 คัน และรถจักรยานยนต์ 1 คัน เพื่อมาตรวจสอบและนำตัวมาสอบปากคำที่ สภ.เกาะสมุย
ล่าสุด พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภาค 8 ได้มาประชุมร่วมกับคณะทำงานเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีดังกล่าว พร้อมกับทำการสอบปากคำผู้ต้องหา ผู้ที่เกี่ยวข้อง และผู้เสียหาย โดย พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุกลุ่มผู้ต้องหาได้หลบหนีออกจากเกาะสมุยไป จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สามารถติดตามจับตัวได้ 1 ราย โดยผู้ต้องหารายนี้ได้เข้ามาข่มขู่ทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย พร้อมทั้งเอาทรัพย์สินของผู้เสียหายไป ขณะที่ผู้ต้องหาที่เหลืออีก 5 ราย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกติดตามเพื่อดำเนินการจับกุม ส่วนอีก 1 รายนั้น อาจจะเป็นเพียงบุคคลที่ทำหน้าที่ดูต้นทางในส่วนต่างๆ แต่ไม่ใช่ผู้เข้ามาร่วมกระทำความผิดหลักในปล้นทรัพย์ด้วย แต่ก็ถือว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดและร่วมก่อการในการจารกรรมครั้งนี้
ส่วนที่ผู้เสียหายพึ่งมาแจ้งความหลังจากเหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา เนื่องจากผู้เสียหายถูกแก๊งชาวต่างชาติกลุ่มนี้ติดตามเพื่อเอาทรัพย์สินและกลัวอันตรายที่จะเกิดขึ้นตามมา จึงต้องมาแจ้งความ ส่วนข้อหาที่เจ้าหน้าที่ตั้งให้กับแก็งชาวต่างชาติที่ก่อเหตุคือข้อหาปล้นทรัพย์ จากแหล่งข่าวระบุว่า ผู้เสียหายเข้ามาอยู่ที่เกาะสมุยเป็นเวลา 5 ปี ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เดินทางเข้าออกประเทศไทยหลายครั้ง ล่าสุดเพิ่งเข้ามาเมื่อต้นปี 2565
ส่วนกลุ่มคนร้าย ทั้ง 6 คน พนักงานสอบสวนได้ขออำนาจศาลจังหวัดเกาะสมุย อนุมัติหมายจับแล้วได้แก่ 1.นายซัลมาน อัลมาตี (MR.SALMAN ALMATY) อายุ 56 ปี สัญชาติคาซัคสถาน หลบหนีออกนอกประเทศไปเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2565 รายที่ 2.นายชินกิส อัคมาโดฟ (MR.TSCHINGIS AKHMADOV) อายุ 39 ปี สัญชาติเยอรมัน หลบหนีออกไปเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2565 รายที่ 3.นายอันเดรย์ นิจโกรอดต์ (MR.ANDREY NIZHEGORODTSEV) อายุ 37 ปี สัญชาติคาซัคสถาน ถูกจับกุมได้ที่ จ.ชลบุรี รายที่ 4.นายวลาดิมีร์ โอเรโคฟ (MR.VLADIMIR OREKHOV) อายุ 42 ปี สัญชาติรัสเซีย หลบหนี ขณะที่อีก 2 คน ไม่ทราบชื่อและสัญชาติ โดยอยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบเพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป