ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) เปิดเผยรายงานข้อมูลอัปเดตเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ประจำเดือนตุลาคม 2565 โดยประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกส่วนใหญ่กำลังฟื้นตัวในปี 2565 จากผลกระทบของโควิด-19 ขณะที่จีนสูญเสียโมเมนตัมเนื่องจากมาตรการควบคุมไวรัสอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก (ไม่รวมจีน) จะเร่งขึ้นเป็น 5.3% ในปี 2565 จาก 2.6% ในปี 2564 ขณะที่ประเทศจีนซึ่งก่อนหน้านี้เป็นผู้นำการฟื้นตัวในภูมิภาคนี้ คาดว่าจะเติบโต 2.8% ในปี 2565 ชะลอตัวลงอย่างมากจาก 8.1% ในปี 2564 สำหรับภูมิภาคโดยรวมการเติบโตคาดว่าจะชะลอตัวเป็น 3.2% ในปีนี้จาก 7.2% ใน ปี 2564 ก่อนที่จะเร่งขึ้นเป็น 4.6% ในปีหน้า
"การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจกำลังดำเนินไปในประเทศส่วนใหญ่ในเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก แต่ประเทศเหล่านั้นต้องเตรียมพร้อมสำหรับการชะลอตัวของการเติบโตทั่วโลก ประเทศต่างๆ ควรจัดการกับการบิดเบือนนโยบายภายในประเทศ เช่น การอุดหนุนราคาพลังงาน หรือราคาสินค้าที่สูงขึ้นที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาในระยะยาว และหันมาเพิ่มศักยภาพในด้านการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า หรือการพัฒนาการใช้พลังงานบริสุทธิ์แทน เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต"
สำหรับประเทศไทยนั้น เวิลด์แบงก์ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจเติบโตจากเดิมที่ 2.9% เป็น 3.1% จากภาคการบริโภค รวมถึงภาคการท่องเที่ยว-บริการที่ฟื้นตัวได้ดี แต่ยังมีความเสี่ยงด้านหนี้ครัวเรือน รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่สูง ขณะที่การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น และภาคการส่งออกที่แม้ว่าจะยังเติบโตได้แต่อาจได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในอนาคต รวมถึงผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของกลุ่มประเทศต่างๆ ที่ส่งผลให้สกุลงินในภูมิภาคโดยรวมอ่อนค่าและมีเงินทุนไหลออก
