เอเชีย กรีน เอนเนอจี ติดโผเข้าคัดเลือกคำนวณดัชนี sSET ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 มีผล 1 ก.ค.นี้ ตอกย้ำความเชื่อมั่นให้นักลงทุน พร้อมทั้งสะท้อนการเติบโต ผู้บริหารระบุแผนธุรกิจปีนี้เดินหน้าเต็มพิกัดลุยธุรกิจการจำหน่ายถ่านหิน และให้บริการธุรกิจโลจิสติกส์ครบวงจรต่อเนื่อง พร้อมประกาศสร้างการเติบโต มั่นใจปี 65 ตั้งเป้ากวาดรายได้ทั้งปี 16,000 ล้านบาท
นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE ผู้จัดจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส (ถ่านหินสะอาด) และผู้ให้บริการด้านโลจิสติสก์แบบครบวงจร ขนส่งทางน้ำ-ทางบก-ท่าเรือ-คลังสินค้า เปิดเผยถึงการได้รับการคัดเลือกเข้าคำนวณดัชนีสำคัญในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 (1 กรกฎาคม-31 ธันวาคม) โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้ โดย AGE เป็น 1 ใน 28 บริษัทที่ได้รับการคัดเลือกเข้าคำนวณในดัชนี sSET ว่า เป็นการส่งสัญญาณที่ดีต่อบริษัทฯ และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งปัจจัยดังกล่าวถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งทางด้านผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การวางแผนกลยุทธ์เชิงรุกเพื่อการต่อยอดทางธุรกิจ เพื่อมุ่งสู่การเติบโตแบบมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต ในการสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อผู้ถือหุ้น
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของธุรกิจการจำหน่ายถ่านหิน ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก (Core Business) ควบคู่กับการปรับกลยุทธ์ขยายธุรกิจสู่การเป็นผู้ให้บริการด้านด้านโลจิสติสก์แบบครบวงจร ขนส่งทางน้ำ-ทางบก-ท่าเรือ-คลังสินค้า ส่งผลให้ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างโดดเด่น และได้มีการตั้งเป้ายอดขายจากธุรกิจส่งออกมันสำปะหลัง จำนวน 1,000 ล้านบาทเพิ่มเติม ส่งผลให้มีการตั้งเป้ารายได้ในปี 2565 เพิ่มขึ้นเป็น 16,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเดินหน้าลงทุนขยายพื้นคลังเก็บสินค้าเพิ่มอีก 10,000 ตารางเมตร ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินสำหรับการพัฒนาพื้นที่คลังสินค้าดังกล่าวประมาณ 40 ล้านบาท เพื่อรองรับการให้บริการกองเก็บสินค้าทางการเกษตรเพิ่มเติม จากปัจจุบันที่มีคลังเก็บสินค้าที่ให้บริการอยู่แล้วจำนวน 5 หลัง
“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา AGE มุ่งมั่นในการขยายธุรกิจเพื่อรองรับกับความต้องการใช้สินค้าทั้งถ่านหิน ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก และธุรกิจให้บริการขนส่งทางน้ำ-ทางบก-ท่าเรือ-คลังสินค้าที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้น และยังมีการขยายการเติบโตไปยังธุรกิจเทรดดิ้งด้านการจำหน่าย และการส่งออกสินค้าเกษตร ซึ่งจะเข้ามาเพิ่มมูลค่าให้ผลการดำเนินงานของปี 2565 เติบโตเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ มีการปรับเป้ารายได้ในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 16,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากธุรกิจถ่านหิน 89% ธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ 5% และธุรกิจส่งออกสินค้าเกษตร 6% พร้อมตั้งเป้าปริมาณยอดขายถ่านหินที่ระดับ 6.5 ล้านตัน” นายพนม กล่าวทิ้งท้าย