xs
xsm
sm
md
lg

ASPS เปิดโผ หุ้น 4 กลุ่ม รับอานิสงส์บาทอ่อนค่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บล.เอเซียพลัส ระบุ หุ้น 4 กลุ่ม รับเหมาฯ - อาหาร - อิเล็กฯ - พลังงาน ได้ประโยชน์ หลังเงินบาทอ่อนค่า เหตุหลายบริษัทมีรายได้หลักจากการส่งออก และบางบริษัทนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ โดยอิงเงินสกุลดอลลาร์ โดยเฉพาะกลุ่มอาหาร ที่มีสถานะเป็นผู้ส่งออก จะได้อานิสงส์จากทิศทางเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง หนุนแนวโน้มกำไรปีนี้เพิ่มขึ้น 12% แต่กลุ่มโรงไฟฟ้า เสียประโยชน์ในแง่การกู้เงินสกุลต่างประเทศ

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ จาก บล. เอเซียพลัส จำกัด (ASPS) เปิดเผยว่า การดำเนินนโยบายการเงินเข้มงวดของธนาคารกลางสหรัฐ โดยมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งในปีนี้ ขณะที่แบงค์ชาติไทยยังคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำ ส่งผลให้ Fund flow ต่างชาติไหลออก ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง 6.5%YTD ส่งผลกระทบต่อบริษัทจดทะเบียนไทยใน 2 มิติ คือ

1. ประเด็นบริษัทที่มีหนี้เงินกู้สกุลดอลลาร์เชื่อมีผลกระทบไม่มาก เนื่องจากปัจจุบันบริษัทส่วนใหญ่เน้นกู้ในประเทศเป็นหลัก อาทิ บริษัทที่มีการก่อหนี้ต่างประเทศอย่าง PTTEP และ BANPU จะเป็นบริษัทที่มีธุรกรรมการค้าต่างประเทศในสัดส่วนสูง จึงมีการใช้ Functional Currency เป็นสกุลดอลลาร์ เพื่อลดความเสี่ยงจากการแปลงผลลัพธ์ค่าเงิน

2. ประเด็นบริษัทที่มีธุรกิจอิงกับเงินดอลลาร์ทั้งการนำเข้าและส่งออก ในทางปฏิบัติมักมีการทำ Hedging ค่าเงิน รวมถึงมีผลของการเปลี่ยนแปลงมูลค่าของลูกหนี้การค้าและเจ้าหนี้การค้าเข้ามาเกี่ยวข้อง 

ทั้งนี้การอ่อนค่าของเงินบาทในงบการเงินรายไตรมาสทำได้ค่อนข้างลำบาก อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยมีการรวบรวมผลกระทบที่เกิดขึ้นกับหุ้นในกลุ่มต่างๆในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการอ่อนค่าของเงินบาท ดังนี้ กลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์ ประกอบด้วย

1. กลุ่มรับเหมา-ก่อสร้าง

SCC : ธุรกิจ Chemical การ Quote ราคาไม่ว่าจะเป็นตลาดในประเทศหรือการส่งออกจะเป็น Dollar Link จึงได้ประโยชน์จากเงินบาทที่อ่อนค่า ส่วนธุรกิจซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างและ Packaging ค่อนข้างจาก Neutral จากการเปลี่ยนแปลงค่าเงิน ทำให้ Net Impact แล้ว เงินบาทที่อ่อนค่าลงทุก 1 บาท/USD จะส่งผลบวกต่อ
กำไรสุทธิประมาณ 2,000 ล้านบาท/ปี เทียบกับฐานกำไร 4 หมื่นล้านบาท/ปี หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 5% ของประมาณการกำไรทั้งปี

TPIPL : มีรายได้จากการส่งออกประมาณ 35% ของรายได้รวม หลักๆคือการส่งออก EVA และปูนเม็ด โดยเงินบาทที่อ่อนค่าลงทุก 1 บาท/USD จะส่งผลบวกต่อกำไรสุทธิประมาณ 2-300 ล้านบาท/ปี เทียบกับฐานกำไร 3-5 พันล้านบาท/ปี หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 5-10% ของประมาณการกำไรทั้งปี

TASCO : นำเข้า Crude เป็น USD ทั้งหมด โดย Crude ที่นำเข้าจะผลิตยางมะตอยเพื่อส่งออกเกือบทั้งหมด โดย Crude คิดเป็นสัดส่วน 85-90% ของต้นทุนการผลิต โดยเงินบาทที่อ่อนค่าลงทุก 1 บาท/USD จะส่งผลบวกต่อกำไรสุทธิประมาณ 33 ล้านบาท/ปี คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 2% ของประมาณการกำไรทั้งปี

STPI : มีเงินฝากสกุลดอลลาร์ประมาณ 60 MUSD เนื่องจากธุรกิจหลักของ STPI เป็นการผลิตโครงสร้างเหล็กและประกอบ Module ทำให้เงินบาทที่อ่อนค่าทุก 1 บาท/USD จะส่งผลบวกต่อกำไรสุทธิประมาณ 30 ล้านบาท

BJCHI : มีสินทรัพย์ในสกุลดอลลาร์ประมาณ 50 MUSD เนื่องจากธุรกิจหลักของ BJCHI เป็นการผลิตโครงสร้างเหล็กและประกอบ Module สำหรับลูกค้าต่างประเทศในธุรกิจ Oil&Gas ซึ่งต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนสกุล USD ทำให้เงินบาทที่อ่อนค่าทุก 1 บาท/USD จะส่งผลบวกต่อกำไรสุทธิประมาณ 50 ล้านบาท

VNG มีรายได้จากส่งออก : ขายในประเทศ สัดส่วน 80:20 โดยการอ่อนค่าของเงินบาททุกๆ 1 THB/USD จะส่งผลให้กำไรสุทธิปรับเพิ่ม 48 ล้านบาท คิดเป็น 3.2% ของประมาณการกำไรปี 2565

2. กลุ่มเกษตร-อาหาร กลุ่มนี้มีสถานะเป็นผู้ส่งออก จึงได้ประโยชน์จากทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่อง ซึ่งอ่อนค่ากว่าสมมติฐานค่าเงินบาทปี 2565 ที่ฝ่ายวิจัยกำหนดไว้ที่ 32 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยทิศทางค่าเงินบาทปัจจุบัน จะส่งผลบวกต่อแนวโน้มกำไรสุทธิปี 2565 ของกลุ่มเกษตร-อาหารให้เพิ่มขึ้น 12.0% จากปัจจุบัน (หรือราว 3.9 พันล้านบาท) มาที่ 3.6 หมื่นล้านบาท

3. กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มนี้มีสถานะเป็นผู้ส่งออก เนื่องจากมีกลุ่มชิ้นส่วนไทยสัดส่วนรายได้ราว 70-100% เป็นดอลลาร์ฯ แต่มีสัดส่วนต้นทุนราว 50% เป็นสกุลเงินดอลลาร์ฯ จึงได้ประโยชน์จากทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่อง ซึ่งค่าเงินบาทปัจจุบันค่ากว่าสมมติฐานค่าเงินบาทปี 2565 ที่ฝ่ายวิจัยกำหนดไว้ที่ 32 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยหากเพิ่มสมมติฐานค่าเงินบาทขึ้นเป็น 34.5 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ จะส่งผลบวกต่อแนวโน้มกำไรสุทธิปี 2565 ของกลุ่มชิ้นส่วนฯให้เพิ่มขึ้น 12.6% จากปัจจุบัน (หรือราว 1.9 พันล้านบาท) มาที่ 1.78 หมื่นล้านบาท

4. กลุ่มพลังงาน กลุ่มพลังงานมี 2 บริษัท ที่มี functional currency เป็น dollar จะไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินบาท ได้แก่ BANPU และ PTTEP ส่วนบริษัทอื่นๆในกลุ่มพลังงาน (อาทิ PTT, TOP, PTTGC, IRPC เป็นต้น) จะบันทึกเป็นขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนหากค่าเงินบาทอ่อนค่า เพราะยังมีหนี้สินเป็นสกุลดอลลาร์ แต่ทั้งนี้ก็ยังมีผลกระทบของ AP และ AR เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ขณะที่ในส่วนของการทำกำไรจะไม่กระทบมากนัก เพราะทั้งขารายได้ และต้นทุน ต่างเป็น dollar link ทั้ง 2 ขา ส่วนใหญ่จึงไม่ได้กระทบในเรื่องของประสิทธิภาพการทำกำไรมากนัก

นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มหุ้นที่เสียประโยชน์ คือ กลุ่มโรงไฟฟ้า เนื่องจากบริษัทส่วนใหญ่ หากสกุลเงินบาทอ่อนค่าจะได้รับผลกระทบในแง่ของการกู้ยืมเป็นเงินสกุลต่างประเทศ โดยกรณีบาทอ่อนค่าจะต้องแปลงค่าเงินบาทเป็นสกุลต่างประเทศในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น และบันทึกเป็นขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ตัวอย่างบริษัทที่เสียประโยชน์จากบาทอ่อนได้แก่ BGRIM, GULF, EGCO, BCPG, GUNKUL, TPIPP เป็นต้น


กำลังโหลดความคิดเห็น