“สหมิตรถังแก๊ส” คาดแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/65 จะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรกที่ผ่านมา รับอานิสงส์เงินบาทอ่อน ออเดอร์ถังแก๊สพุ่ง ชูตลาดอเมริกาเหนือ-แอฟริกาขายดี เดินหน้าขยายตลาดใหม่ต่อเนื่อง พร้อมทั้งบริหารจัดการต้นทุน มั่นใจผลงานปี 65 ทำได้ตามแผนยอดขายโต 10-15%
นายสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC ประกอบธุรกิจผลิตถังทนความดันแบบต่างๆ โดยผลิตภัณฑ์หลักเป็นถังสำหรับบรรจุแก๊สปิโตรเลียมเหลว (LPG) เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงหุงต้ม และสำหรับใช้เป็นแหล่งพลังงานรถยนต์ โดยจำหน่ายภายในและต่างประเทศ ภายใต้เครื่องหมายการค้า “SMPC” รวมทั้งรับจ้างผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าต่างๆ เปิดเผยถึงแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/65 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/65 ที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการถังแก๊สยังดีต่อเนื่องโดยเฉพาะตลาดทวีปอเมริกาเหนือที่มีการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่ตลาดแอฟริกายังมีแนวโน้มการเติบโตขึ้น ส่วนตลาดเอเชียมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นเช่นเดียวกัน สำหรับค่าเงินบาทที่ปรับตัวอ่อนค่ามากในช่วงนี้ส่งผลดีต่อบริษัท เพราะ SMPC มีสัดส่วนการส่งออกมากถึง 95%
“คาดไตรมาส 2/65 ทิศทางธุรกิจจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรกที่ผ่านมาจากยอดขายที่เติบโตได้ดี อีกทั้งค่าเงินบาทอ่อนค่า ทำให้บริษัทได้รับอานิสงส์จากส่วนนี้ แต่ในด้านต้นทุนแม้ว่ามีการปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่สามารถบริหารจัดการได้ และบริษัทยังเดินหน้าในการกระจายความเสี่ยงธุรกิจ เพราะต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจโลกต้องมีความกังวล แต่ถ้าสามารถกระจายความเสี่ยงขายสินค้าที่หลากหลาย เชื่อว่าการเติบโตยังมีต่อเนื่อง เพราะดีมานด์ถังแก๊สยังมีความต้องการอยู่” นายสุรศักดิ์ กล่าว
สำหรับราคาเหล็กซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตถังแก๊สที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น บริษัทสามารถปรับเพิ่มราคาขายให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งบริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการที่ SMPC ได้มีการขยายพื้นที่จัดเก็บสินค้าอีก 3 แสนใบ สามารถช่วยให้บริษัทบริหาร และจัดการในเรื่องของสินค้าสำเร็จรูปได้ดียิ่งขึ้น
อย่างไรก็ดี ปีนี้บริษัทคาดยอดขายจะเติบโต 10-15% ตั้งเป้าขายถังแก๊สไว้ที่ 8 ล้านใบ จากปีก่อนที่ 6.9 ล้านใบ โดยการเติบโตจะมาจากทั้งถังขนาดใหญ่และถังขนาดเล็ก รวมไปถึง การขยายการผลิตไปรับงานที่เป็นส่วนของถังเพื่อรองรับน้ำยาแอร์ หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่จะกระจายความเสี่ยง ดังนั้น ปีนี้บริษัทเชื่อว่าจะรักษาระดับมาร์จิ้นของบริษัทให้ดีขึ้นได้