SCAP ผลงานโตวันโตคืน ส่งสัญญาณครึ่งแรกปี 2565 เติบโตเป็นไปตามเป้าหมายทั้งรายได้และกำไร ด้านผู้บริหาร วิชิต พยุหนาวีชัย ชี้ปีนี้ผลงานสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่เติบโตโดดเด่นกว่าที่คาดการณ์ ผลักดันให้เกิดการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้านสินเชื่อส่วนบุคคลลุ้นโตเพิ่ม หลังสถานการณ์เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวจากโควิด พร้อมลุ้นผู้ถือหุ้นอนุมัติการควบรวมกิจการ บง.ศรีสวัสดิ์ 23 มิถุนายนนี้ เพื่อผลักดันโครงสร้างใหม่ SAWAD ทะยานสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
วิชิต พยุหนาวีชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล จำกัด เปิดเผยว่า การดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรก 2565 พบว่ามีแนวโน้มเติบโตสดใสและแข็งแกร่ง โดยจากเป้าหมายทั้งปีคาดว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่รวมได้ราว 10,000 ล้านบาท สร้างพอร์ตลูกหนี้คงค้างเติบโตแบบก้าวกระโดดจากปี2564 ล่าสุด สามารถปล่อยสินเชื่อได้เป็นไปตามเป้าหมายในช่วงครึ่งปีแรกแล้ว ส่งผลให้รายได้และกำไรเติบโตตามคาดการณ์ โดยการขยายตัวหลักมาจากธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ที่ส่งสัญญาณปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากความต้องการซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ในหลายพื้นที่เพื่อใช้ประกอบอาชีพ ซึ่งส่วนใหญ่ได้มีการคำนวณภาระค่าใช้จ่ายและวางแผนด้านความสามารถในการผ่อนชำระเป็นอย่างดี กอปรกับการขยายทีมงานฝ่ายขายที่มีประสบการณ์ในธุรกิจอย่างต่อเนื่อง จึงช่วยผลักดันสินเชื่อดังกล่าวให้เติบโต เช่นเดียวกับสินเชื่อส่วนบุคคลที่พบการเติบโตรองลงมาอยู่ในระดับทรงตัว จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว จากปัจจัยข้างต้นจึงช่วยสนับสนุนการเติบโตของสินเชื่อรายย่อยในช่วงครึ่งปีแรกให้เป็นไปตามแผนที่บริษัทฯ วางไว้
ขณะที่การปรับโครงสร้างของ บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชัน หรือ SAWAD ด้วยการให้ บมจ.เงินทุนศรีสวัสดิ์ (BFIT) ควบรวมกิจการกับบริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล จำกัด (SCAP) โดยได้แจ้งขอมติต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 23 มิถุนายนนี้ ซึ่งหากผู้ถือหุ้นอนุมัติจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างธุรกิจ และส่งผลดีกับผู้ถือหุ้นของ BFIT เพราะจะเป็นการเปิดประตูสู่อนาคตที่สดใสและโอกาสในการขยายตัวทางธุรกิจอย่างไร้ขีดจำกัดเพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจสินเชื่อรายย่อยโดยเฉพาะธุรกิจเช่าซื้อ ซึ่งในปัจจุบันมีอัตราการเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดด ซึ่งคาดว่าการปรับโครงสร้างจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 ธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อที่มีอัตราการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องนี้จะเป็นธุรกิจหลักแทนธุรกิจเดิมของ BFIT และเป็นการลดการพึ่งพาบริษัทแม่ สามารถระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้ได้เอง อีกทั้งยังลดข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจด้านการกันเงินสำรองที่ลดลง และสามารถขยายธุรกิจใหม่ในอนาคตได้มากขึ้น เป็นการเปิดโอกาสในการดำเนินธุรกิจอย่างคล่องตัวและสร้างการเติบโตระยะยาวในอนาคต
"จนถึงขณะนี้ผมเชื่อว่าหลายท่านคงได้ข้อมูลเรื่องการควบรวมกิจการระหว่าง BFIT และ SCAP แล้ว ผมในฐานะผู้บริหารของศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล อยากให้นักลงทุนทุกท่านเชื่อมั่นในการประกอบธุรกิจและการนำพาองค์กรก้าวสู่การเติบโตในอนาคต ด้วยลักษณะของธุรกิจที่บริษัทดำเนินการล้วนเป็นธุรกิจที่มีอนาคต อีกทั้งบริษัทไม่เคยหยุดนิ่งในการปรับตัวทั้งด้านผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี บุคลากร เพื่อให้เท่าทันในทุกสภาวะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น รวมถึงการวางรากฐานเพื่อรองรับธุรกิจใหม่ๆ ที่จะสร้างการเติบโตได้ในอนาคต นอกจากนี้ บริษัทยังได้กำหนดเป้าหมายในการดำเนินงานอย่างชัดเจน เห็นได้ชัดสำหรับเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อและการเติบโต ซึ่งผ่านมาครึ่งปี เราสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ จึงเชื่อมั่นว่าจากการลงมือทำอย่างจริงจังของผม ผู้บริหาร ทีมงานทุกคนจะสนับสนุนให้บริษัทฯ ประสบผลสำเร็จและสร้างผลตอบแทนที่น่ายินดีอย่างยั่งยืน" นายวิชิต กล่าวทิ้งท้าย