หุ้นไทยปิดตลาด -14.16 จุด นักวิเคราะห์คาด นักลงทุนในตลาดกังวลทิศทางอัตราดอกเบี้ยกระทบภาพรวมของเศรษฐกิจไทย หลังอัตราเงินเฟ้อเดือน พ.ค. ของไทยพุ่งขึ้น 7.1% ขณะที่แนวโน้มความกังวลอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงปรับตัวพุ่งขึ้นทั่วโลก และ ยังไร้ปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน พร้อมประเมินกรอบการลงทุนพรุ่งนี้แนวต้านที่ 1,635 จุด และแนวรับที่ 1,620 จุดและ 1,615 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 7 มิ.ย. 2565 ปรับตัว ลดลง -14.16 จุด หรือ -0.86% โดยปิดตลาดที่ 1,631.92 จุด มูลค่าการซื้อขาย 62,744.08 ล้านบาท โดยภาพรวมการซื้อขายหุ้นในวันนี้ ดัชนี ฯ เคลื่อนในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,645.41 จุด ขณะเดียวกันก็ปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,630.37 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 490 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 407 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 1,312 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +2,195.30 ล้านบาท และ บัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า +111.47 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า-1,700.49 ล้านบาท และนักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิกว่า -606.28 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.BANPU มูลค่าการซื้อขาย 3,441.86 ล้านบาท ปิดที่ 13.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท
2.AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,133.71 ล้านบาท ปิดที่ 68.50 บาท ลดลง 1.00 บาท
3.BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,825.16 ล้านบาท ปิดที่ 25.00 บาท ลดลง 1.00 บาท
4.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,606.08 ล้านบาท ปิดที่ 169.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
5.KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,345.31 ล้านบาท ปิดที่ 15.60 บาท ลดลง 0.10 บาท
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,243.27 จุด ลดลง -19.87 จุด หรือ -0.88% ด้านดัชนี SET50 ปิดที่ 986.07 จุด ลดลง -9.17 จุด หรือ -0.92% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 632.95 จุด ลดลง -2.14 จุด หรือ -0.34%
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจากวานนี้ จากความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อในเดือน พ.ค. ที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นถึง 7.1% จะมีผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทย และ อาจจะมีการใช้มาตรการทางการเงินที่เข้มงวดขึ้น และ อาจจะมีผลต่อทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยของไทย โดยคาดว่าไทยจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระดับ 0.25% ในช่วงปลายไตรมาส 3/65 หรือ ช่วงไตรมาส 4/65
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ คาดว่าดัชนีมีโอกาสที่จะปรับตัวลงต่อจากวันนี้ โดยความกังวลเกี่ยวกับภาพรวมอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกที่เร่งตัวขึ้น ขณะที่ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวลดลงกว่า 100 จุด ในขณะเดียวกันยังคงไร้ปัจจัยใหม่ๆเข้ามาหนุนดัชนีเพิ่มเติม
นอกจากนี้ยังต้องติดตามผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 8 มิ.ย.ว่าจะมีมุมมองอย่างไรต่ออัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น และ จะมีการปรับทิศทางนโยบายทางการเงินอย่างไรบ้าง พร้อมประเมินกรอบการลงทุนแนวรับที่ 1,620จุดและ 1,615 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,635 จุด
