"ฟังก์ชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล" เผยครึ่งหลังปีนี้เดินหน้าขยายสาขาผ่านร้าน Aquatek และ Water Store ตามแผน เน้นสินค้าพรีเมียม มั่นใจเพิ่มขีดความสามารถด้านบริการแบบเต็มสูบ ผู้บริหารเชื่อเติบโตโดดเด่น เหตุได้แรงหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และกำลังซื้อในประเทศสดใส มั่นใจหนุนรายได้ปีนี้เติบโตตามเป้า 25-30%
ดร.วิกร ภูวพัชร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟังก์ชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ FTI ประกอบธุรกิจนำเข้า ประกอบผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับระบบบำบัดน้ำ (Water Treatment) ครบวงจร เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจของบริษัทฯ ในช่วงครึ่งปีหลังนี้เชื่อว่ามีโอกาสขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำลังซื้อในประเทศ จากการทยอยคลายล็อกดาวน์ประเทศหลังโควิดคลี่คลาย ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและการใช้จ่ายเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งกลุ่มเชิงพาณิชย์ที่เริ่มเห็นการกลับมาเติบโตโดดเด่น ได้แก่ กลุ่มร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรมและท่องเที่ยว
นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้ากลุ่มครัวเรือนมากขึ้นจากแผนการเพิ่มสินค้า Premium ผ่านการขยายตัวแทนจำหน่ายร้าน Aquatex ของบริษัท ซึ่งผู้บริโภคกลุ่มครัวเรือนเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูงและเป็นกลุ่มที่มีมาร์จิ้นสูง จากเดิมบริษัทฯจำหน่ายสินค้าแบบค้าส่งไปยังร้านค้าทั่วไป (B2B) รวมถึงมีแผนขยายตลาดผลิตภัณฑ์กลุ่มปั๊มน้ำและวาล์ว ทำให้มั่นใจว่ารายได้ในปีนี้ของบริษัทฯ จะเติบโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 25-30%
สำหรับความคืบหน้าในการขยายตัวแทนจำหน่ายทั้งขยายสาขาผ่านร้าน Aquatek และ Water Store ขณะนี้ได้เดินหน้าขยายสาขาตามที่วางไว้ ล่าสุดได้เปิดร้าน Aquatek สาขา 2 คือ สาขาคลองหลวง ปทุมธานี ซึ่งในช่วง 3 ปี (2565-2567) บริษัทฯ ตั้งเป้าขยายร้าน Aquatek จำนวน 50 สาขา ขยายร้าน Water Store จำนวน 5 สาขา จากปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่ายที่เป็นร้าน Water Store จำนวน 19 สาขา ตั้งอยู่ประเทศไทย 16 สาขา และในต่างประเทศ 3 สาขาในประเทศลาว พม่า และกัมพูชา ขณะที่ร้าน Aquatek ปัจจุบันมีจำนวน 2 สาขา
สำหรับภาวะอุตสาหกรรมของตลาดเครื่องกรองน้ำประเมินว่าตลาดระบบบำบัดน้ำและเครื่องกรองน้ำยังมีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว โดยได้รับการสนับสนุนจากการเติบโตตามกำลังซื้อและเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวตามการทยอยคลายล็อกดาวน์ประเทศ ขณะที่ภาคครัวเรือนที่ยังไม่มีเครื่องกรองน้ำและไม่มีปั๊มน้ำยังมีสัดส่วนที่ต่ำ เติบโตตามกระแสใส่ใจสุขภาพของผู้บริโภค ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลบวกต่อธุรกิจที่บริษัทฯ ดำเนินการอยู่ ส่งผลให้ผลการดำเนินงานเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในอนาคต
“บริษัทถือเป็นผู้นำตลาดกลุ่มธุรกิจขายส่ง B2B โดยตลาดนี้มีคู่แข่งน้อยรายและไม่มีคู่แข่งโดยตรงที่มีขนาดใกล้เคียงหรือทำแบบครบวงจรเหมือนบริษัทฯ อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายรองรับความต้องการของผู้บริโภคทุกกล่มครอบคลุมทั่วประเทศ และแผนการขยายธุรกิจที่ชัดเจน ซึ่งจะเห็นภาพที่ชัดเจนได้ตั้งแต่ครึ่งปีหลังนี้ จึงทำให้เชื่อว่าภาพรวมธุรกิจของบริษัทฯ ต่อจากนี้จะยังคงสดใสต่อเนื่องจากไตรมาสแรก จึงเชื่อว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯ จะยังคงทำผลงานให้ขยายตัวและเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้เช่นกัน” ดร.วิกร กล่าวในที่สุด
อนึ่งผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2565 ของบริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 13.73 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น 4.21 ล้านบาท หรือ 44. 27% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยในไตรมาส 1/2564 บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 9.52 ล้านบาท