ด้วยศักยภาพของถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ หรือ “กรุงเทพกรีฑา 2” (ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า) ถือเป็นทำเลทองอีกแห่งหนึ่งของฝั่งกรุงเทพฯ ตะวันออก ที่ได้รับความสนใจอย่างมาก มีห้างสรรพสินค้าชั้นนำ รวมถึงบริษัทอสังหาริมทรัพ์แบรนด์ใหญ่นำที่ดินสะสมมาพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เป็นต้น ซึ่งคาดว่าเฉพาะในทำเลกรีฑาตัดใหม่ มีบริษัทอสังหาฯ เปิดโครงการรวมกันมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท
โดยโครงการส่วนใหญ่จะพัฒนาในรูปแบบบ้านหรูจนไปถึงบ้านระดับซูเปอร์ลักชัวรี เนื่องจากราคาที่ดินในบริเวณดังกล่าวปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก ที่สำคัญ กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ยังเป็นเส้นทางที่สามารถเดินทางเข้าสู่ถนนศรีนครินทร์ พัฒนาการ รามคำแหง และมอเตอร์เวย์ ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน และอยู่ไม่ไกลจากสนามบินสุวรรณภูมิ
นอกจากนี้ ยังเป็นจุดเชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้าถึง 3 สาย คือ แอร์พอร์ต ลิงก์ และสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ซึ่งจะเชื่อมระหว่างตะวันออกและตะวันตกของกรุงเทพฯ กำหนดแล้วเสร็จในปี 2566 และยังเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการพัฒนาเมือง ที่สามารถเข้าออกเมือง และเดินทางไปด้านเหนือและใต้อย่างง่ายดาย โดยใช้ถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอก) พร้อมรายล้อมไปด้วยโรงเรียนนานาชาติ 3 แห่ง สนามกอล์ฟ มหาวิทยาลัยชื่อดัง ห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าชั้นนำ และโรงพยาบาลอย่างครบครัน
ราคาที่ดินในกรุงเทพกรีฑาพุ่ง 150% ในระยะ 10 ปี
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานคร (กทม.) กำลังเติบโตสู่เมืองขยายเกิดเป็น “คอมมูนิตีในเมืองใหญ่” คล้ายการเติบโตเมืองใหญ่ทั่วโลก หรือยกตัวอย่างที่เห็นชัด เช่น ย่านการเติบโตต่างๆ ของประเทศญี่ปุ่น ที่สัมผัสถึงอารมณ์เมืองของแต่ละเขต เช่น ย่านอาซาคูซะ ย่านชิบูย่า ย่านกินซ่า ย่านชินจูกุ การจับกลุ่มของเมืองย่อย หรือ Cluster จะเกาะกลุ่มด้วยโลเกชันใกล้สถานีรถไฟฟ้าต่อขยายออกไปเรื่อยๆ สิ่งอำนวยความสะดวกจะไม่รวมอยู่ในศูนย์กลางกรุงเทพฯ ชั้นใน แต่จะกระจายออกไปยังพื้นที่อยู่อาศัยโดยรอบกรุงเทพฯ ประกอบกับโครงข่ายการคมนาคมที่ทำให้การเดินทางเข้าสู่เมืองง่ายมากขึ้น
ซึ่ง "กรุงเทพกรีฑา" นับเป็นคอมมูนิตีการอยู่อาศัยที่น่าจับตามอง เพราะเป็นย่านที่อยู่อาศัยระดับเรสซิเดนเชียลของโครงการแนวราบในกรุงเทพฯ โซนตะวันออก จากทำเลศักยภาพที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ “ผังเมืองสีเหลือง” ของกรุงเทพฯ ซึ่งหมายถึงพื้นที่มีความหนาแน่นของการอยู่อาศัยน้อย และเป็นเขตปลอดแหล่งอุตสาหกรรม เหมาะแก่การเป็นที่อยู่อาศัยที่เน้นคุณภาพการอยู่อาศัยที่ดี ประกอบกับมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เป็นทำเลในเมือง เดินทางง่ายสู่กรุงเทพฯ ชั้นใน (CBD) ด้วยถนนสายหลักตัดใหม่ อย่างถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ (ถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า) ซึ่งเป็นถนนขนาด 6 เลน ใกล้ทางด่วน เชื่อมต่อการคมนาคมทุกเส้นทาง เข้าสู่เมืองง่ายและรวดเร็ว เชื่อมต่อรถไฟฟ้าหลายเส้นทาง และใกล้รถไฟฟ้าถึง 3 สาย รวมถึงรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ และยังเป็นทำเลที่อยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิที่เปิดบริการมาแล้วกว่า 20 ปีอีกด้วย
ส่งผลให้ราคาที่ดินของทำเลกรุงเทพกรีฑาพุ่ง สูงขึ้นถึง 150% ในเวลา 10 ปี โดยเฉพาะราคาที่ดินในช่วงต้นถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ (ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า) ราคาพุ่งจากการแวดล้อมด้วยคอมมูนิตีและสิ่งอำนวยความสะดวกมากที่สุด ขณะที่ราคาที่ดินติดถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ (ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า) ล่าสุดอยู่ที่ 140,000 บาทต่อตารางวา จากความต้องการการอยู่อาศัยในพื้นที่นี้ที่ขยายตัวอันดับหนึ่ง เติบโตขึ้นราว 10%
ปั้นที่ดิน 500 ไร่ สร้างโครงการรวมต่อเนื่อง 3 หมื่นล้านบาท
นายอุทัย กล่าวถึงโอกาสที่จะเกิดขึ้นกับการลงทุนของแสนสิริ ว่า เราเห็นทำเล “กรุงเทพกรีฑา” จะเป็นอีกหนึ่งทำเลในเมืองใหญ่ของกรุงเทพฯ ที่มีศักยภาพในการพัฒนาและเติบโตสูง จึงพัฒนา “กรุงเทพกรีฑา คอมมูนิตี” รองรับการพัฒนาสังคมอยู่อาศัยประมาณ 500 ไร่ มูลค่ารวม 30,000 ล้านบาท รองรับความต้องการที่อยู่อาศัย ตลอดจนส่งมอบไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ หลังประสบความสำเร็จ ปิดการขาย 2 โครงการบ้านเดี่ยว เศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑาและเศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา 2 ในทำเลนี้ ขนาดพื้นที่รวม 155 ไร่ มูลค่าโครงการรวม 7,500 ล้านบาท ที่ตอบโจทย์ทั้งอยู่อาศัยเอง และปล่อยเช่าในคอมมูนิตีของชาวต่างชาติที่ทำงานในโรงเรียนนานาชาติที่อยู่ในทำเล ทำให้ได้อัตราค่าเช่าที่ดีและสูงกว่าในทำเลอื่น
ปัจจัยสำคัญในการพัฒนาที่ดินทำเลกรุงเทพกรีฑา จำนวน 500 ไร่ของแสนสิริ ให้เป็น “กรุงเทพกรีฑา คอมมูนิตี” ด้วยจุดแข็งในทำเล 3 ด้านหลัก ได้แก่ Location ตั้งอยู่ในทำเลดีที่สุดของกรุงเทพกรีฑา สามารถเดินทางเข้าศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) ได้ง่ายดาย โดยทางด่วนศรีบูรพาที่อยู่ใกล้เพียง 2 กม. รถไฟฟ้าสายสีส้มที่อยู่ใกล้เพียง 2.3 กม. และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง 4 กม. เดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิด้วยถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ (ถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า) หรือมอเตอร์เวย์ โดยใช้เวลาเพียง 20 นาที
แสนสิริ เปิดหน้าดินเพิ่มพัฒนา 3 โครงการหมื่นล้านบาท
นายอาณัติ กิตติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ แสนสิริยังมีเพื่อนบ้าน (Neighborhood) พันธมิตรชั้นนำที่มาร่วมเติมเต็มให้กรุงเทพกรีฑาคอมมูนิตี เป็นสังคมอยู่อาศัยสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น เช่น โรงเรียนนานาชาติไบรท์ตัน คอลเลจ ที่อยู่ใกล้เพียง 900 เมตร โรงเรียนนานาชาติ เวลลิงตัน คอลเลจ ที่อยู่ใกล้เพียง 3.2 กิโลเมตร โรงเรียนนานาชาติ แมนดาริน ที่อยู่ใกล้เพียง 1.2 กิโลเมตร โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ เพียง 4.2 กิโลเมตร และมาร์เก็ต เพลส คอมมูนิตี มอลล์ จากสยามฟิวเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ (SF) เพียง 2.5 กิโลเมตร ที่เติมเต็มไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต สู่การเป็นเมืองแห่งสังคมอยู่อาศัยสมบูรณ์แบบที่ดีที่สุดแห่งต่อไป
ทั้งนี้ “กรุงเทพกรีฑา คอมมูนิตี” หรือเมืองแห่งการอยู่อาศัย ภายใต้แผนการพัฒนารวมประมาณ 500 ไร่ จะมีการพัฒนาโครงการใหม่ โดยเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวระดับบนในปีนี้อีก 3 โครงการ มูลค่ารวม 9,300 ล้านบาท ได้แก่
1.นาราสิริ กรุงเทพกรีฑา แบรนด์ระดับซูเปอร์ลักชัวรี (ที่จะเป็นเรือธงในปีนี้) พื้นที่โครงการ 57 ไร่ จำนวน 86 หลัง ราคาตั้งแต่ 50-95 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท ที่จะเริ่มเปิดการขายในไตรมาส 3 ของปีนี้ วางเป้าช่วงเปิดการขายประมาณ 300-400 ล้านบาท
2.บุราสิริ กรุงเทพกรีฑา พื้นที่ 85 ไร่ จำนวน 276 หลัง ราคา 12.59-35 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรที่สำคัญของแสนสิริ บริษัท โตคิว คอร์ปอเรชั่น จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ที่ให้ความสนใจพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยร่วมกันในทำเลนี้ จากการมองเห็นศักยภาพของทำเล เป้าการขายในช่วงเปิดโครงการ 300-400 ล้านบาท
3.รวมทั้งต่อยอดแบรนด์เรสซิเดนเชียลที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในปีนี้ผ่านมา เปิดตัว “บูก้าน กรุงเทพกรีฑา” พื้นที่ 19 ไร่ จำนวน 48 หลัง มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท เป้าขายประมาณ 500 ล้านบาท โดยทั้ง 3 โครงการจะมีทั้งบ้านพร้อมอยู่ และบ้านสั่งสร้าง คาดว่าในช่วงปลายปีจะมียอดโอนกรรมสิทธิ์จาก 3 โครงการใหม่ประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งอัตราดูดซับต่อโครงการค่อนข้างดี สามารถขายบ้านหรูได้ 8 หลังต่อเดือน ราคาขายเฉลี่ย 14-30 ล้านบาท หรือ 1 โครงการมียอดขายประมาณ 1,000 ล้านบาท
"3 โครงการใหม่ เป็นการพัฒนาต่อเนื่องมาจาก 2 โครงการก่อนหน้านี้ รวมแล้วมีการนำแปลงที่ดินที่มีศักยภาพมาแล้ว 316 ไร่ และยังมีแลนด์แบงก์อีก 185 ไร่ รองรับการลงทุนและพัฒนาโครงการบ้านหรูได้อีก 3-4 โครงการ ที่จะเกิดขึ้นในแผน 3 ปีต่อเนื่องในปี 2566 ถึง 2568 รวมพื้นที่สังคมอยู่อาศัยสมบูรณ์แบบ ทั้งหมดประมาณ 500 ไร่ มูลค่าโครงการรวม 30,000 ล้านบาท" โดยแสนสิริมั่นใจว่า ด้วยจุดแข็งของกรุงเทพกรีฑา คอมมูนิตี ของแสนสิริในทำเลที่มีเหนือคู่แข่ง และการพัฒนาสังคมอยู่อาศัยสมบูรณ์แบบภายใต้แนวคิด “You are Made for Life” ในครั้งนี้ จะเป็นการพัฒนาพื้นที่ตอบรับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่ครอบคลุมและประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับการพัฒนาแสนสิริ ทาวน์ สุขุมวิท 77 บนพื้นที่ 50 ไร่ใจกลางสุขุมวิท 77 ในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จากการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า และความสำเร็จในการพัฒนาโครงการแนวราบของแสนสิริในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ยังส่งผลให้แสนสิริมียอดขายจากโครงการแนวราบไปแล้ว 8,600 ล้านบาท หรือคิดเป็นเกือบ 40% จากเป้ายอดขายโครงการแนวราบที่วางไว้ 24,000 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นยอดขายที่ดีที่จะดันให้ทำผลงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
ตลาดเช่าบ้านหรูได้ยิลด์สูงถึง 7-9%
นายอาณัติ อธิบายถึงดีมานด์ในกลุ่มของตลาดปล่อยเช่าที่อยู่อาศัยแนวราบภายในโครงการกรุงเทพกรีฑา-คอมมูนิตี ว่า ได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย เนื่องจากโครงการของแสนสิริ อยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ โดยโครงการเศรษฐสิริ 1 สามารถปล่อยเช่าและสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (ยิลด์) ได้ประมาณ 7-9% ราคาค่าเช่ามีตั้งแต่ 50,000 บาทต่อเดือน จนไปถึง 120,000 บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับขนาดของบ้าน
"กรุงเทพกรีฑา จัดได้ว่าเป็นที่อยู่อาศัยเกรดเอ ที่มีดีมานด์ต้องการซื้อและอยู่อาศัย โดยมีบริษัทเอกชนเข้ามาซื้อบ้านหรูในโครงการและให้ชาวจีนมาอยู่ ขณะที่ชาวยุโรปที่มาเช่า จะมีอาชีพเป็นอาจารย์สอนในโรงเรียนนานาชาติ" นายอาณัติ กล่าวและว่า
ในเรื่องของการขยายการลงทุนในรูปแบบการสร้างเมืองนั้น ทางแสนสิริได้จัดซื้อที่ดินประมาณ 200-300 ไร่ บริเวณบางบัวทอง ใกล้เซ็นทรัลเวสต์เกท พัฒนาเมืองรองรับการเติบโตของกำลังซื้อ