xs
xsm
sm
md
lg

“EA” คึกคักรับ “เทสลา” ตั้งบริษัทในไทย โบรกเกอร์เชียร์ลุ้นกำไรปีนี้ทำนิวไฮ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ รับอานิสงส์ “เทสลา” ตั้งบริษัทในประเทศไทย ช่วยกระตุ้นตลาดอีวีคึกคัก ส่งผลดีธุรกิจแบตเตอรี่ สถานีชาร์จ ผู้บริหารมั่นใจผลงานไตรมาส 2 โตต่อเนื่อง เตรียมขายหุ้นกู้ 3 หมื่นล้านรองกับการขยายธุรกิจ ด้านโบรกเกอร์ประเมิน “EA” ผลงานทำนิวไฮ หลังเดือน มิ.ย.จ่อส่งมอบรถบัสไฟฟ้าสูงขึ้น ส่วนผลงานครึ่งปีหลังจะเป็นจุดเริ่มต้นการเติบโตรอบใหม่ มีกำไรโตก้าวกระโดดจากการส่งมอบยานยนต์ไฟฟ้าสูงขึ้น

หลังจากมีข่าวบริษัท Tesla ประกาศจดทะเบียนตั้งบริษัทในประเทศไทย เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น โดยข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ของกระทรวงพาณิชย์ ระบุ บริษัท เทสลา (ประเทศไทย) จำกัด ทุนจดทะเบียน 3 ล้านบาท นั้นจะตั้งอยู่ที่อาคารเอ็มไทย ในโครงการออลซีซั่น ถนนวิทยุ

โดยมีกรรมการรวม 3 คนคือ นายเดวิด จอน ไฟน์สไตน์ (David Jon Feinstein) ซึ่งเป็นผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายบุกเบิกตลาดใหม่ และผู้บริหารระดับสูงของเทสลาในตลาดอินเดีย คนต่อมาคือ นายยารอน ไคลน์ (Yaron Klein) ผู้เป็นซีเอฟโอ หรือผู้บริหารสินทรัพย์ และประธานบริหารฝ่ายการเงินของเทสลา เอนเนอร์จี โอเปอเรชั่น (Tesla Energy Operations) ซึ่งทำกิจการด้านโซลาร์เซลล์และเพาเวอร์วอลล์ (Powerwall) หรือแท่นจ่ายไฟ และอีกท่าน คือ นายไวภา ตเนชา (Vaibhav Taneja) ชาวอินเดีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารผ่านบัญชีของเทสลา อินเดีย

จากข่าวดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้นกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก โดยเฉพาะบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ซึ่งคาดว่าจะได้ประโยชน์โดยตรง เนื่องจากเป็นผู้เล่นในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า อีกทั้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2/65 มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่น ตามการคาดการณ์ของโบรกเกอร์

ขณะที่ราคาหุ้น วานนี้ (27 พ.ค.) เปิดตัวทำจุดสูงสุดอีกครั้งที่ราคา 91 บาท เพิ่มขึ้น 3.4% จากวันทำการก่อนหน้า ก่อนจะอ่อนตัวลง โดยราคาต่ำสุดระหว่างวันอยู่ที่ 88.50 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 0.57% และปิดการซื้อขายที่ 88.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ 0.85% มูลค่าการซื้อขาย 1.57 พันล้านบาท

"เทสลา" กระตุ้นตลาดอีวีคึกคัก

นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า การที่เทสลา ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์อีวีนั่งส่วนบุคคลชื่อดังเข้ามาทำตลาดในไทย น่าจะทำให้ตลาดอีวีเกิดความคึกคักมากขึ้น เนื่องจากเทสลา มีความแข็งแกร่งในด้านแบรนด์ แต่เบื้องต้นเชื่อว่าเทสลาจะมีการนำเข้ารถทั้งคัน และมีความเป็นไปได้ว่า จะส่งออกมาจากอินโดนีเซียที่เป็นฐานผลิตเพื่อใช้สิทธิอาฟตา

อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าค่ายรถยนต์แบรนด์อื่นๆ จะมีการแข่งขันในด้านการเปิดตัวรถอีวีนั่งส่วนบุคคลมากขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลดีกับบริษัทในฐานะเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ ที่มีแนวโน้มจะได้ออเดอร์แบตเตอรี่อีวีสำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในอนาคต โดยบริษัทมีแผนขยายโรงงานแบตเตอรี่เป็น 4 กิกะวัตต์ ชั่วโมง (GWh) จากปัจจุบันกำลังการผลิตอยู่ที่ 1 GWh

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทยังคงเน้นการผลิตและทำการตลาดรถอีวีเชิงพาณิชย์ ซึ่งเป็นคนละตลาดกับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล โดยในส่วนรถบัสไฟฟ้าจะมีการส่งมอบรถในช่วงไตรมาส 2/2565 เกิน 300 คัน และทั้งปีคาดว่าจะส่งมอบรถบัสไฟฟ้าได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 คัน นายอมร ยังยอมรับว่า ความคึกคักของอีวีที่เกิดขึ้นจะส่งผลดีกับสถานีชาร์จเพิ่มขึ้นด้วย


ไตรมาสแรก 65 กำไรสุทธิลด 3.23%

ด้านผลการดำเนินงานไตรมาสแรก ปี 2565 ที่ผ่านมา EA กำไรสุทธิ 1,366.31 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.37 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 1,411.85 ล้านบาท และกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.38 บาท โดยกำไรสุทธิลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 3.23% เนื่องจากมีรายได้รวม 4,706.43 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นเพียง 2.34% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 4,706.43 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน บริษัทมีต้นทุนขายและให้บริการเพิ่มขึ้น 13.66% อยู่ที่ 2,906.41 ล้านบาท เพราะต้นทุนในกลุ่มธุรกิจไบโอดีเซลสูงขึ้นตามราคาผลปาล์ม และต้นทุนผลิตไฟฟ้ามากขึ้นจากค่าเสื่อมของการเปลี่ยนแผงโซลาร์โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จ.นครสวรรค์ และลำปาง

ทั้งนี้ หากพิจารณาเฉพาะรายได้จากการดำเนินงาน บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินธุรกิจตามปกติของบริษัทฯ สำหรับงวด 3 เดือน สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2565 จำนวน 4,740.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 จำนวน 37.70 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 0.80% สาเหตุหลักมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจไบโอดีเซล ธุรกิจแบตเตอรี่และยานยนต์ไฟฟ้า

จ่อออกหุ้นกู้ 3 หมื่นล้านขยายการลงทุน

ขณะที่นายวสุ กลมเกลี้ยง ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนากลยุทธ์และวางแผนการลงทุน บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า บริษัทคาดว่ารายได้ไตรมาส 2/2565 จะเติบโตดีกว่าไตรมาส 1/2565 โดยรายได้จากกลุ่มธุรกิจ EV Value Chain จะเป็นธุรกิจสำคัญในการผลักดันการเติบโต จากการเดินหน้าส่งมอบรถบัสไฟฟ้า (E-Bus) ซึ่งในปีนี้คาดส่งมอบได้ 1,500-2,000 คัน แต่จะมีการส่งมอบจำนวนมากในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้รายได้ครึ่งปีหลังจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด ขณะเดียวกัน คาดว่ารายได้รวมเติบโตกว่า 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 20,558 ล้านบาท โดยไตรมาส 1/2565 บริษัทมีรายได้แล้วกว่า 4,816 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ เดินหน้าขยาย EA Ecosystem ทั้งในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รถบัสโดยสารไฟฟ้า (E-Bus) ที่จะส่งมอบปีนี้ และคาดว่าปีหน้าจะส่งมอบได้มากกว่า 2,000 คัน รวมไปถึงรถบรรทุก (E-Truck) ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาความร่วมมือกับผู้ประกอบการรถบรรทุก เพื่อผลักดันให้เกิดการใช้รถบรรทุกไฟฟ้ามากขึ้น

อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะสามารถส่งมอบ E-Truck ได้หลายร้อยคันในปีนี้ และยังเดินหน้าเรือโดยสารไฟฟ้า (E-Ferry) ด้วย รวมถึงขยาย EA "Ultra Fast Charge" สามารถชาร์จได้ 80% ภายในระยะเวลา 15 นาที ปัจจุบันมีสถานีชาร์จ 459 แห่ง ครองส่วนแบ่งการตลาดราว 70% และมีแผนที่จะขยายต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน ยังเดินหน้าขยายโรงงานแบตเตอรี่เป็น 2 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh) จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1 GWh โดยวางงบลงทุนราว 1,000-2,000 ล้านบาท และจะเพิ่มเป็น 4GWhในปีหน้า และผลักดันเป็น 50 GWh ในอนาคต ส่วนโรงงานประกอบของบริษัทสามารถรองรับการประกอบรถไฟฟ้าได้ถึง 8,000 คัน หากเดินเครื่องการผลิตเต็ม นับว่าเป็นการขยายธุรกิจ EV Value Chain อย่างครบวงจรและผลักดันการเติบโตของบริษัทอย่างก้าวกระโดด

ส่วนการที่บริษัท เทสลา (ประเทศไทย) จำกัด เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย มองว่าเทสลาไม่มีผลกระทบด้านลบเท่าไหร่ ส่วนด้านบวกมองว่าส่งผลต่อเรื่องของการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น นอกจากนี้ในอนาคตอาจจะเกิดความร่วมมือต่อกันในเรื่องระบบชาร์จในการเข้ามาเป็นพันธมิตรร่วมกัน ดังนั้นบริษัทมองว่าเป็นปัจจัยบวกมากกว่า

นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ขยายธุรกิจไปสู่การบริหารจัดการขยะตามเกาะต่างๆ เนื่องด้วยเล็งเห็นถึงปัญหาที่มีค่อนข้างมาก โดยล่าสุดชนะประมูลการบริหารจัดการขยะพื้นที่เกาะล้าน และอยู่ระหว่างเซ็นสัญญา

อีกทั้งตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 เป็นต้นไป จะเห็น EA เข้าไปมีบทบาทในเรื่องของ Wast to Energy มากขึ้น โดยมีแผนก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ หลังจากภาครัฐเปิดให้มีการยื่นซองประมูล คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายใน 2 ปีจากนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้กลุ่มพลังงานทดแทน และทดแทนรายได้จาก Adder ที่จะหมดอายุ

ขณะเดียวกัน บริษัทเตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพวงเงิน 30,000 ล้านบาท ให้แก่นักลงทุนต่างประเทศ โดยคาดว่าจะเสนอขายหุ้นกู้ได้ในเดือนมิถุนายนนี้ หรืออย่างช้าในช่วงเดือนกรกฎาคม เพื่อรองรับการลงทุนในช่วง 3 ปี แบ่งเป็นการขยาย EV (EV Expansion) 40% การขยายโรงงานแบตเตอรี่ เพิ่มเป็น 4 GWH ราว 20% และอีก 40% ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัทเพื่อรองรับการลงทุนใหม่ๆ ในอนาคต

โบรกเกอร์คาดปีนี้กำไรทำ All Time High

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ จาก บล.ฟินันเซีย ไซรัส เปิดเผยว่า ได้ประเมินกำไรสุทธิปี 65 ของ EA ไว้ที่ 1.06 หมื่นล้านบาท ทำสถิติสูงสุด (All Time High) เติบโตขึ้น 75% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปัจจัยหนุนจากผลการดำเนินงานที่จะเริ่มเร่งตัวขึ้น ตั้งแต่ไตรมาส 2/65 เป็นต้นไป จากการส่งมอบรถไฟฟ้าที่สูงขึ้น โดยตั้งเป้าส่งมอบทั้งปีไว้ที่ 2-3 พันคัน

นอกจากนี้ ยังมีการเริ่มดำเนินการของโรงแบตเตอรี่ ระยะที่ 1 ขนาด 1GWh ซึ่งจะสามารถใช้ประโยชน์จากความต้องการรถโดยสาร และรถกระบะไฟฟ้าได้ภายในปีนี้

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า ยังคงเลือก EA เป็นหุ้น Top Picks ของกลุ่มพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทย สะท้อนจากกำไรสุทธิที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังเห็นการริเริ่มโครงการเพื่อการเติบโตในอนาคตที่มีประสิทธิภาพสูงหลายโครงการ โดยคาดว่าจะทำให้กำไรสุทธิของ EA เร่งตัวอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ปี 65 เป็นต้นไป

หยวนต้าคาด Q2/65 โตทั้ง YoY-QoQ

ด้าน บทวิเคราะห์จาก บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 2/65 ของ EA มีแนวโน้มเติบโตขึ้นทั้งเทียบปีก่อน (YoY) และไตรมาสก่อน (QoQ) มีปัจจัยหนุนจากการเริ่มส่งมอบรถบัสไฟฟ้า (EV Bus) ในช่วงเดือน มิ.ย.ที่จะถึงนี้ นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เพิ่มขึ้น ทั้งเทียบปีก่อน และไตรมาสก่อน จาก Capacity Factor ที่สูงขึ้น จากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของธุรกิจ และประสิทธิภาพที่ดีขึ้น หลังการเปลี่ยน Solar PV เสร็จสิ้นในช่วงไตรมาส 1/65

นอกจากนี้ ระบุว่าปัจจุบัน EA กำลังอยู่ระหว่าง Ramp Up กำลังผลิตของโรงแบตเตอรี่ และ วางเป้าหมายว่าจะสามารถผลิตแบตเตอรี่ออกมาในปี 65 ได้ราว 600MWh หรือ คิดเป็น Utilization Rate ที่ราว 60% ทั้งนี้ เป้าหมายดังกล่าวสอดคล้องกับจำนวนรถ EV Bus และ EV Truck ที่จะส่งมอบภายในปีนี้

ทั้งนี้ EA ยังมีแผนขยายกำลังการผลิตแบตเตอรี่เป็น 2GWh ภายในปี 65 และเพิ่มเป็น 4GWh ภายในปี 66 เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเติบโตของอุตสาหกรรม EV ในประเทศไทย และ EA ยังมีโอกาสรับจ้างผลิตแบตเตอรี่ให้ผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นในอนาคตอีกด้วย

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า EA ยังคงมีแผนเปิดตัวรถบรรทุกไฟฟ้า (EV Truck) ในช่วงไตรมาส 3/65 และจะเริ่มจำหน่ายในช่วงไตรมาส 4/65 โดยปัจจุบันกำลังอยู่ระหว่างกำหนดโครงสร้างราคาของกลุ่มสินค้าดังกล่าว แต่ได้มีการส่งรถบรรทุกไฟฟ้าให้กลุ่มลูกค้าองค์กรทดลองใช้ รวมถึงเจรจาการซื้อขายบ้างแล้ว

ASPS คาดปีนี้กำไรโต 11%

บล.เอเซีย พลัส ประเมินกำไรสุทธิปี 65 ของ EA ไว้ที่ 6.3 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 11% จากปีก่อน มีปัจจัยหนุนจากธุรกิจไบโอดีเซลที่คาดปริมาณการขายโดยรวมจะปรับตัวขึ้นจากปีก่อน ตามปริมาณการใช้น้ำมันที่ฟื้นตัวหลังการคลายล็อกดาวน์ในประเทศ และจากธุรกิจแบตเตอรี่ และยานยนต์ไฟฟ้า ที่คาดมีการส่งมอบได้สูงขึ้น

รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมสำหรับผลการดำเนินงาน บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ตั้งแต่ปี 2561-2564 ที่ผ่านมา ดังนี้ ปี 2561 บริษัทมีรายได้รวม 12,490.22 ล้านบาท กำไรสุทธิ 4,975.21 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.33 บาท ปี 2562 รายได้รวม 14,954.54 ล้านบาท กำไรสุทธิ 6,081.62 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.63 บาท ปี 2563 รายได้รวม 17,196.26 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5,204.57 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.40 บาท และปี 2564 รายได้รวม 20,558.10 ล้านบาท กำไรสุทธิ 6,100.07 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.64 บาท


กำลังโหลดความคิดเห็น