อสังหาฯ เร่งเก็บกระสุนรายได้ในไตรมาสแรกปี 65 เผย 36 บริษัทอสังหาฯ มีผลประกอบการด้านรายได้รวม 67,724.22 ล้านบาท กำไรสุทธิ 7,327.59 ล้านบาท แบรนด์เอพี ไทยแลนด์รายได้สูงสุด 10,857 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.68% ค่าย LH ทำกำไรสูงสุดเพิ่มขึ้น 10.98% ผู้ประกอบการเร่งโหมเปิดโครงการไตรมาสแรก ดันสินค้าคงค้างในระบบมีตัวเลขรวม 558,332.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.47%
นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (LPN Wisdom หรือ LWS) บริษัทวิจัยและที่ปรึกษาในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) รายงานถึงภาพรวมผลประกอบการของ 36 บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในไตรมาสแรกของปี 2565 (ม.ค.-มี.ค.) ว่า มีรายได้รวม 67,724.22 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 7,327.59 ล้านบาท ลดลง 2.86% และ 18.97% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2564
โดยบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีความสามารถในการทำรายได้สูงสุด ได้แก่ บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ AP มีรายได้รวมอยู่ที่ 10,857 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.68% ขณะที่บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH ทำกำไรสูงสุดอยู่ที่ 1,932.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.98%
รายได้ของ 10 บริษัทอสังหาฯ ที่มีรายได้สูงสุดคิดเป็น 76.44% ของรายได้รวมของบริษัทอสังหาฯ ทั้ง 36 บริษัทสำหรับความสามารถในการทำกำไร (Net Profit Margin) เฉลี่ยอยู่ที่ 10.81% ลดลงจาก 12.97% ในระยะเดียวกันของปี 2564
บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA มีตัวเลข Net Profit เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นมากที่สุดอยู่ที่ 61.03% เนื่องจากบริษัทเสนาฯ มีรายการพิเศษจากผลต่างที่เกิดจากการต่อรองราคาซื้อเงินลงทุนในบริษัทย่อยของ JSP มูลค่า 212.8 ล้านบาท ทำให้กำไรสุทธิออกมาสูงกว่าปกติ แต่ถ้าตัดรายการพิเศษนี้ออกไป กำไรสุทธิจะคงเหลือ 155.3 ล้านบาท คิดเป็น Net Profit Margin อยู่ที่ 30.78 ซึ่งยังสูง เพราะมีรายได้ประจำจากการปล่อยเช่าและธุรกิจโซลาร์เซลล์
ขณะที่ สินค้าคงเหลือและที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ทั้ง 36 บริษัทอสังหาฯ อยู่ที่ 558,332.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.47% เทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 (544,867.65 ล้านบาท) ผลจากการที่บริษัทอสังหาฯ เร่งเปิดตัวโครงการใหม่ในไตรมาสแรกปี 2565 เป็นจำนวนมาก
โดย 3 บริษัทอสังหาฯ ที่มีสินค้าคงเหลืออันดับต้นๆ ได้แก่ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) มีสินค้าคงเหลือสูงสุดอยู่ที่ 62,865.76 ล้านบาท รองลงมาเป็นบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) อยู่ที่ 57,056.38 ล้านบาท บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) 55,291.82 ล้านบาท