CPF ดีดทำนิวไฮรอบ 2 เดือน ราคาปิดบวกกว่า 4% หลัง SET Index ดีดกลับระดับ 1,600 จุดอีกครั้ง โบรกฯ มอง ผลงานเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปีนี้ หลังราคาเนื้อสัตว์พุ่ง - ธุรกิจต่างแดนส่งสัญญาณฟื้น อีกทั้งครึ่งปีหลังต้นทุนอาหารสัตว์มีเตรียมปรับลดลง ตามรอบเก็บเกี่ยวใหม่ ประเมินกำไรปีนี้ เติบโตระหว่าง 15-22% จากปีก่อน แนะนำทยอยสะสม หรือซื้อ
นิวไฮรอบ 2 เดือน รับงบส่งสัญญาณฟื้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดหรือนิวไฮในรอบ 2 เดือน เมื่อเช้าวานนี้ (17 พ.ค.65) ที่ราคา 25.50 บาท ก่อนปิดซื้อขายภาคเช้าด้วยราคา 25.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.55 บาท หรือ 2.23% มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 113.22% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า และปิดที่ระดับ 25.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.05 บาท หรือ 4.25% มูลค่าการซื้อขาย 1.89 พันล้านบาท
ทั้งนี้ คาดว่าราคาหุ้น CPF ปรับตัวขึ้นไปทำนิวไฮในรอบ 2 เดือน เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุน จากการรีบาวน์ของดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ที่วานนี้ ปิดบวกถึง 30.11 จุด หรือ 1.90% อยู่ที่ 1,614.49 จุด
ASPS มองผลงานเริ่มฟื้นตั้งแต่โค้ง2 ปีนี้ ทั้งธุรกิจหมู-ไก่ -ธุรกิจต่างแดน
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์จาก บล.เอเซียพลัส เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของ CPF มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น ตั้งแต่ไตรมาส 2/65 เป็นต้นไป โดยมีปัจจัยหนุนจากธุรกิจในประเทศไทย (37% ของรายได้รวม) ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวจากธุรกิจไก่, หมู และ สัตว์น้ำฟื้นตัว โดยราคาไก่เป็น ล่าสุดอยู่ที่ 42 บาท/กิโลกรัม เพิ่มขึ้น 5% ตั้งแต่ต้นไตรมาส 2/65 และ เพิ่มขึ้น 30.1% จากปีก่อน
ขณะที่ ราคาหมูหน้าฟาร์ม อยู่ที่ 97.4 บาท/กิโลกรัม เพิ่มขึ้น 2.6% ตั้งแต่ต้นไตรมาส 2/65 และ เพิ่มขึ้น 30.7% จากปีก่อน ตามความต้องการบริโภคฟื้นตัว แต่ยังมีปัญหาหมูขาดแคลน นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 2 ของทุกปี ยังเป็นช่วงไฮซีซั่นของการส่งออกไก่ และ กุ้ง อีกด้วย
นอกจากนี้ ระบุว่า ธุรกิจในต่างประเทศของ CPF เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว ตั้งแต่ไตรมาส 2/65 เป็นต้นไป เช่นเดียวกับธุรกิจในประเทศ โดยธุรกิจในเวียดนาม (21% ของรายได้รวม) จะฟื้นตัวต่อเนื่องจากราคาเนื้อหมูหน้าฟาร์มปรับตัวขึ้น ตามความต้องการบริโภคฟื้นตัว หนุนแนวโน้มราคาหมูในเวียดนาม ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 6 หมื่นดอง/กิโลกรัม (90 บาท/กิโ,กรัม) เพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาสก่อน
ส่วนธุรกิจในประเทศจีน (CTI) มีแนวโน้มฟื้นตัวด้วยเช่นกัน ตามทิศทางราคาหมูในประเทศจีนฟื้นตัวต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ 15 หยวน/กิโลกรัม (77 บาท/กิโลกรัม) โดย CPF คาดว่าราคาเนื้อหมูหน้าฟาร์มในประเทศจีน จะปรับตัวขึ้นเป็น 19 หยวน/กิโลกรัม (97 บาท/กิโลกรัม) ในช่วงครึ่งหลังของปี 65
และธุรกิจ Bellisio ในสหรัฐฯ คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 3/65 เป็นต้นไป จากการปรับกลยุทธ์ โดยเพิ่มเมนูใหม่ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า และ การดำเนินการผลิตของโรงงานมากขึ้น นอกจากนี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังอยู่ในช่วงชะลอตัว ทำให้คาดว่า ผู้บริโภคจะหันมารับประทานอาหารแช่เย็น แช่แข็งมากขึ้นด้วย
ASPS คาดกำไรปีนี้โต 19.2% จากปีก่อน ยังน่าเข้าสะสม
บล.เอเซีย พลัส ระบุว่ายังคงมุมมองกำไรสุทธิปี 65 ของ CPF ฟื้นตัวจากปีก่อนได้ เบื้องต้นประเมินกำไรสุทธิปี 65 ไว้ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 19.20% จากปีก่อน มีปัจจัยหนุนหลักจากธุรกิจหมู และ ไก่ ในประเทศไทยฟื้นตัว ตามภาวะเศรษฐกิจ และ ปัญหาการขาดแคลนหมู นอกจากนี้ยังคาดธุรกิจส่งออกไก่ยังมีแนวโน้มฟื้นตัว เช่นเดียวกับ ธุรกิจหมูในรัสเซีย
ด้านมูลค่าหุ้น (Valuation) ณ ปัจจุบัน ของ CPF ยังมีความน่าสนใจเข้าสะสม สะท้อนจากการซื้อ – ขาย บน PBV เพียง 0.9 เท่า จึงมองว่าช่วงนี้เป็นอีก 1 จังหวะที่ดีในการทยอยเข้าสะสมหุ้น เพื่อรอรับการฟื้นตัวของผลการดำเนินงาน ตั้งแต่ไตรมาส 2/65 เป็นต้นไป
เอเซียเวลท์ มองกำไร Q2/65 เป็นจุดฟื้นตัว
บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชีย เวลท์ ประเมินว่า ผลการดำเนินงานของ CPF มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตั้งแต่ไตรมาส 2/65 เป็นต้นไป มีปัจจัยหนุน จากราคาเนื้อสัตว์ที่ปรับตัวขึ้นในหลายภูมิภาค ขณะที่ราคาหมูในประเทศไทย ยังปรับตัวขึ้น จากปัญหาการขาดแคลนหมู ส่งผลให้ราคาไก่ (สินค้าทดแทน) ปรับตัวดีขึ้นจากปัญหาดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ CPF ประเมินว่า ราคาเนื้อหมูในประเทศไทย จะอยู่ที่ 90 บาท/กิโลกรัม ในช่วงครึ่งหลังของปี 65 ขณะที่การส่งออกไก่ยังมีความต้องการสูงในทวีปยุโรป ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการทำสงครามระหว่างรัสเซีย กับ ยูเครน ส่งผลให้ซัพพลายไก่ในยูเครนหายไป รวมถึง การเปิดประเทศของญี่ปุ่น ทำให้การบริโภคฟื้นตัวขึ้น
โดยประเมินกำไรสุทธิปี 65 ของ CPF ไว้ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 22.15% จากปีก่อน ตามทิศทางราคาขายเนื้อสัตว์ที่ปรับตัวขึ้นในหลายภูมิภาค ประกอบกับต้นทุนอาหารสัตว์ ที่มีแนวโน้มลดลงในช่วงครึ่งหลังของปี 65 ประกอบกับการเริ่มวางจำหน่ายสินค้า Plant-Based ในทวีปเอเชีย และ จะเริ่มจำหน่ายในทวีปยุโรป ตั้งแต่ไตรมาส 2-3/65 และ สหรัฐฯ ในช่วงไตรมาส 4/65 โดยตั้งเป้าการขายปีนี้ไว้ที่ 4 พันตัน
บล.กรุงศรี ราคาเนื้อสัตว์ที่สูงขึ้น ช่วยชดเชยต้นทุนพุ่งสูง
บล.กรุงศรี ระบุว่า ก่อนหน้านี้ CPF เผชิญกับต้นทุนอาหารสัตว์ที่อยู่ในระดับสูง โดยมองว่า ต้นทุนดังกล่าว อาทิ กากถั่วเหลือง และ ข้าวโพด ยังอยู่ในระดับสูงในช่วงไตรมาส 2/65 จากความตึงตัวของซัพพาย หลังได้รับผลกระทบจากการทำสงครามระหว่างรัสเซีย กับ ยูเครน
อย่างไรก็ตาม มองว่าราคาเนื้อหมู และ เนื้อไก่ ที่ปรับตัวสูงขึ้น จะช่วยชดเชยต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นได้ นอกจากนี้ต้นทุนกากถั่วเหลือง และ ข้าวโพดมีโอกาสลดลงในช่วงไตรมาส 3/65 หนุนด้วยเมล็ดธัญพืช จากฤดูเก็บเกี่ยวใหม่ในประเทศอาร์เจนติน่า และ สหรัฐฯ โดยปรับคำแนะนำหุ้น CPF ขึ้นเป็น"ซื้อ" (เดิมแนะนำ"ถือ") สะท้อนจากราคาเนื้อสัตว์ และ อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) มีแนวโน้มปรับตัวขึ้น ตั้งแต่ไตรมาส 2/65 เป็นต้นไป ประกอบกับ CPF ยังมีแผนในการนำธุรกิจในประเทศจีน และ เวียดนาม เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายใน 3 ปี ซึ่งจะช่วยปลดล็อคมูลค่าธุรกิจของ CPF ในระยะถัดไป