เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค กวาดรายได้จากการขายแตะ175.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.74 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 14.15 และ กำไรสุทธิ 15.87 ล้านบาท รับอานิสงส์ธุรกิจเกษตรสดใส ส่งผลความต้องการใช้อุปกรณ์เครื่องจักรพุ่ง ด้านผู้บริหาร “เอกพันธ์ วนโกสุม” ประกาศเดินหน้าเพิ่มเครื่องจักรระบบออโตเมชัน และคลังสินค้ารองรับไฮซีซันธุรกิจ หนุนรายได้ทั้งปีโต 10-15% ตามแผน
บริษัท เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ KWM ผู้นำในการประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ที่ใช้ในการเกษตรและมีประสบการณ์ด้านงานวิศวกรรมเครื่องกล แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึงผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1 ปี 2565 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2565) ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย จำนวน 175.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.74 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโตร้อยละ 14.15 เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) และมีกำไรสุทธิ 15.87 ล้านบาท ลดลง 9.17 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 36.62 เมื่อเทียบกับปีก่อน
สำหรับสาเหตุที่รายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากภาคเศรษฐกิจการเกษตรที่ขยายตัวร้อยละ 4 ในไตรมาสแรก ประกอบกับฝนที่ตกต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกลางปี 2564 ถึงต้นปี 2565 ส่งผลให้สภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ทำให้การผลิตพืชเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวหนุนให้การเติบโตของยอดขายทั้งในส่วนของบริษัทฯ และบริษัทย่อยเพิ่มขึ้นในเกือบทุกผลิตภัณฑ์ ยกเว้นสินค้ากลุ่มใบเกลียวที่ยอดขายลดลง ร้อยละ 41.17 ในขณะที่สินค้ากลุ่มโครงผาล เป็นกลุ่มที่มียอดขายเพิ่มขึ้นมากที่สุดถึง ร้อยละ 52.63 สำหรับสินค้ากลุ่มอื่นๆ มียอดขายเพิ่มขึ้น อยู่ในช่วงร้อยละ 15-20 จากงวดเดียวกันของปีก่อน ทำให้โดยรวมแล้วรายได้จากการขายเติบโตขึ้นคิดเป็นร้อยละ 14.15 ของรายได้จากการขายในงวดเดียวกันของปี 2564
“สำหรับไตรมาสแรกของปี 2565 ต้องยอมรับว่าต้นทุนการขายปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 25.77% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากราคาเหล็ก ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าของบริษัทเป็นหลักปรับตัวเพิ่มขึ้น อีกทั้งราคาสินค้าอื่นๆ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกจึงส่งผลต่อต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น รวมไปถึงสัดส่วนการขายใบเกลียวที่ลดลง เนื่องจากใบเกลียวเป็นสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นดีที่สุดในทุกผลิตภัณฑ์ ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาสนี้”
นายเอกพันธ์ วนโกสุม ประธานกรรมการบริหาร KWM เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 2/2565 ยังมีการขยายตัวต่อเนื่อง จากความต้องการใช้สินค้าเกษตรที่ยังคงเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจการเกษตรในปี 2565 ที่คาดว่าจะอยู่ในช่วงร้อยละ 2-3 เมื่อเทียบกับปี 2564 จากทุกสาขาการผลิต จากปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับภาครัฐมีความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ส่งเสริมให้เกษตรกรมีการบริหารจัดการด้านการผลิตและการตลาดที่ดี มีการใช้เทคโนโลยีในการผลิตและยกระดับคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐานสอดคล้องกับความต้องการของตลาด นอกจากนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่อนคลายมาตรการมากขึ้น ทำให้มีความต้องการสินค้าเกษตรทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้นตาม
อย่างไรก็ตาม KWM ได้มีการเพิ่มเครื่องจักรในการผลิตไลน์ใหม่ ซึ่งเป็นไลน์การผลิตที่ 3 ในระบบออโตเมชัน ที่สามารถลดการใช้แรงงานและสามารถผลิตได้รวดเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีแผนขยายการลงทุนเพิ่มคลังสินค้า เพื่อรองรับความต้องการสินค้าช่วงไฮซีซัน ที่มีความต้องการสินค้ามากกว่าช่วงเวลาปกติ 2-3 เท่าตัว ซึ่งคลังสินค้าดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2/2565 นี้ และจากความมุ่งมั่นในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจอย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่าการเติบโตรายได้รวมในปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 10-15 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาตามแผนที่วางไว้