โอสถสภา ลุยกลยุทธ์บริหารเสี่ยงรับมือต้นทุนสินค้าสูงรอบด้าน สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ส่วนผสมกัญชง-กัญชา ต่อยอดผลดำเนินการไตรมาสแรกปีนี้ทำนิวไฮกว่า 7 พันล้านบาท มีกำไรเพิ่ม 8.1%
นางวรรณิภา ภักดีบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของประเทศ เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมแผนการขยายธุรกิจต่างๆ ในปี 2565 และขณะนี้มีการดำเนินการได้ตามแผน ถึงแม้ว่าจะต้องเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญจากการปรับตัวสูงขึ้นของต้นทุนต่างๆ
เช่น ต้นทุนด้านเชื้อเพลิง การขนส่ง แต่บริษัทฯ ได้เตรียมแผนบริหารจัดการความเสี่ยงด้านต้นทุนอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในทุกมิติ ทั้งด้านการตลาด การจัดจำหน่าย และการจัดการต้นทุนและประสิทธิภาพการผลิต" นางวรรณิภา กล่าว
โดยหนึ่งในกลยุทธ์การขยายธุรกิจในปีนี้ คือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผสมกัญชงกัญชาที่มีคุณสมบัติโดดเด่นจากสินค้าอื่นๆ ในตลาด โอสถสภาร่วมมือกับยันฮี ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยกัญชา รวมทั้งเป็นผู้ริเริ่มตลาดวิตามินวอเตอร์ในประเทศไทย เปิดตัว "ยันฮี น้ำกัญชาผสมวิตามิน" กลิ่นลาเวนเดอร์ มิกซ์ เบอร์รี่ ชูจุดเด่นน้ำดื่มที่คิดค้นและพัฒนาโดยทีมผู้เชี่ยวชาญ สกัดจากใบกัญชาแท้ พร้อมคุณค่าจากวิตามินบี 12 และยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลผสมกัญชงเป็นครั้งแรกด้วยเช่นกัน โดยได้พัฒนาแป้งเย็นผสมน้ำมันเมล็ดกัญชงเป็นครั้งแรกของโลก ภายใต้แบรนด์ "เอ็กซิท"
นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการต่อยอดสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ผ่านแต้มเอ็ม ซึ่งมีฐานลูกค้าประจำของเอ็ม-150 เป็นสมาชิกอยู่กว่า 7 ล้านคน โดยเมื่อเร็วๆ นี้ได้ร่วมมือกับไทยพาณิชย์ โพรเทค ช่วยกลุ่มคนทำงานและผู้ใช้แรงงานเข้าถึงประกัน มอบความคุ้มครองชดเชยรายได้และอุบัติเหตุสุดคุ้ม ด้วยเบี้ยประกันเพียงวันละ 1-2 บาท ผ่านไลน์ แอปพลิเคชัน 'แต้มเอ็ม' และยังได้ผนึกพลังกับเอสซีจี จัดแคมเปญ 'ฮึดสู้อย่างเสือ หัวใจเกินร้อย ปี 2' ขยายช่องทางเข้าถึงกลุ่มช่างปูน ผู้รับเหมา ซึ่งสามารถร่วมกิจกรรมแต้มเอ็ม เพื่อสะสมแต้มได้ถึง 3 เท่า สามารถนำแต้มที่ได้ไปแลกรับหรือแลกซื้อของพรีเมียมคอลเลกชันพิเศษสุด หรือร่วมลุ้นรางวัลใหญ่จากแต้มเอ็มได้ตลอดทั้งปี
จากแนวทางดังกล่าวยังสอดคล้องกับผลดำเนินการธุรกิจที่เป็นไปในทิศทางบวก โดยไตรมาส 1/2565 (มกราคม-มีนาคม) บริษัทฯ ยังเติบโตทะลุเป้า สร้างสถิติรายได้จากการขายสูงสุด 7,472 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 750 ล้านบาท โดยกำไรจากการดำเนินงานปกติเพิ่มขึ้น 8.1% หากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนและเงินปันผลรับจากเงินลงทุนในบริษัทอื่น
โดยโอสถสภายังรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มบำรุงกำลังอย่างต่อเนื่อง ด้วยส่วนแบ่ง 54% โดยมีแบรนด์เอ็ม-150 เป็นเบอร์ 1 ในตลาด ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มฟังก์ชันนอลดริงก์นั้น แบรนด์ 'ซีวิท' เป็นผู้นำตลาดและทำสถิติส่วนแบ่งตลาดสูงสุดที่ 38% ตอกย้ำความสำเร็จตลอดระยะเวลา 10 ปี ที่ทำยอดขายเติบโตต่อเนื่อง
สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลนั้นมีทิศทางปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ ตลาดต่างประเทศมีอัตราการขยายตัวที่โดดเด่นมาก เติบโตเพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 58% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยมีตลาดหลักอยู่ในกลุ่มประเทศอาเซียน